นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้รับข้อร้องเรียนจากผู้บริโภคในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เห็นว่ากฎหมายที่ใช้บังคับในการดูแลคุ้มครองผู้บริโภค เช่น พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค 2522 พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 มีข้อจำกัดในการรองรับบริบทเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี จึงได้สั่งการให้ สคบ. เร่งทบทวนและแก้ไขกฎหมายดังกล่าวให้มีความทันสมัย สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี พร้อมยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภคให้ครอบคลุมและเข้มแข็งยิ่งขึ้น
โดยเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้มีมติเห็นชอบให้จัดตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาศึกษาและจัดทำร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ...) พ.ศ. … โดยมีหน้าที่วิเคราะห์ปัญหา ศึกษาข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน และยกร่างบทบัญญัติให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ต่อมาวันที่ 6 มิถุนายน 2568 สคบ. ได้จัดโครงการประเมินผลสัมฤทธิ์ชอง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 โดยเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และในวันที่ 18 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา สคบ. ได้จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ ...) พ.ศ. … เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะในการปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัย สอดรับกับสภาพการค้าขายและกลไกทางการตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
นางสาวจิราพร กล่าวว่า การปรับปรุงตัวกฎหมายครั้งนี้จะเป็นการยกระดับการทำงานคุ้มครองผู้บริโภคของ สคบ. ครั้งใหญ่ เป็นการปฏิรูปทั้งกฎหมาย ทั้งกลไกการดำเนินงาน ซึ่งจะทำให้การช่วยเหลือผู้บริโภค เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุม และมีบทลงโทษผู้กระทำผิดที่เหมาะสมกับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป