นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส. นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก เทพไท เสนพงศ์-คุยการเมือง ระบุว่า เบื้องหลัง 3 พรรคร่วมรัฐบาล ตีนตุ๊กแก
เมื่อคืนที่ผ่านมา หลายคนคงจะจดจ่อต่อผลการการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคร่วมรัฐบาล3 พรรค คือ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคชาติไทยพัฒนา ว่าผลการประชุม หรือมติของแต่ละพรรค จะตัดสินใจเดินหน้าต่อ หรือถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หรือไม่
ในที่สุดผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคของแต่ละพรรค ออกมาในลักษณะคลุมเครือ ต้องตีความ มีเล่ห์เหลี่ยม มีเงื่อนไข หมกเม็ด สร้างความอึมครึม ที่จะต้องตีความกัน ซึ่งจากกระแสข่าวพบว่า
1.พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้มีมติให้นายพีรพันธ์ สาลีรัฐวิภาค นำมติพรรคไปแจ้งต่อนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี ซึ่งกระแสข่าวบอกว่า เรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีให้นางสาวแพทองธาร ลาออก และพร้อมจะสนับสนุนนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยอีกคนเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่อยากถอนตัวในทันที เพราะเกรงว่านางสาวแพทองธาจจะยุบสภา เมื่อเลือกตั้งใหม่แล้ว กลัวว่าคะแนนของพรรคประชาชน จะชนะแบบถล่มทลายมากกว่าการเลือกตั้ง ปี 66 แสดงให้เห็นว่าฝ่ายอนุรักษ์นิยม ยังกลัวผีส้มอยู่ ยังเอาผีส้มมาเป็นข้ออ้างทางการเมืองไม่จบสิ้น ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องความสามารถของพรรคการเมืองด้วยซ้ำไป ที่จะต้องแข่งขันกัน ไม่ใช่กลัวพรรคการเมืองคู่แข่งแล้ว มาออกอุบายอีกแบบหนึ่ง พรรคการเมืองต้องแข่งขันกันแพ้ชนะเป็นเรื่องปกติอยู่ที่ประชาชนจะตัดสินใจ
2.พรรคประชาธิปัตย์ อืมครึ้มมาโดยตลอด ในที่สุดนักข่าวก็คาดคั้นจากนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค และนายเดชอิศม์ ขาวทอง ซึ่งเป็นเลขาธิการพรรค สุดท้ายก็คือมีมติไปต่อกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งไม่น่าแปลกใจ เพราะนายเดชอิศม์ เป็นคนสนิทหรือสายตรงกับคุณทักษิณ และการตัดสินใจไปต่อ ก็ไม่มีอะไรจะเสียอีก เพราะเสียจนไม่เหลืออะไรจะเสีย มาตั้งแต่ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลกับนางสาวแพทองธารแล้ว
3.พรรคชาติไทยพัฒนา ผลการประชุมค่อนข้างชัดที่สุดเป็นพรรคแรก คือการร่วมรัฐบาลต่อ และสนับสนุนนางสาวแพทองธาร และจะไปคุยรายละเอียดเกี่ยวกับกระแสความมั่นคงของชาติ เรื่องคลิปความขัดแย้งที่ชายแดน และสนับสนุนรัฐบาลเพื่อความมั่นคงของประเทศต่อไป ซึ่งสวนทางกับเนื้อหาในการโพสต์ของนางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ที่ให้คำนึงศักดิ์ศรีของพรรค และไม่สนับสนุนการกระทำใดที่ไม่ดีต่อชาติ ถ้าดูการโพสต์ของคุณกัญจนาแล้ว เชื่อว่าพรรคชาติไทยพัฒนา น่าจะถอนตัวอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่ในที่สุดมติพรรคให้ร่วมรัฐบาลต่อไป ซึ่งแสดงให้เห็นถึงDNAที่แท้จริงของพรรคชาติไทยพัฒนาในอดีต คือฉายา พรรคปลาไหลใส่สเก็ต
การที่ร่วมรัฐบาลฝ่ายอนุรักษ์นิยม3พรรค ที่ตัดสินใจแบบคลุมเครือ แบบแทงกั๊ก แบบต้องตีความ แบบมีเงื่อนไข ก็น่าจะมาจากสิ่งล่อใจ เมื่อพรรคภูมิใจไทยถอนตัวออกจากพรรครวมรัฐบาล ทำให้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่างลงถึง8-9ตำแหน่ง พรรคเพื่อไทยสามารถที่จะจัดโปรโมชั่น ลดแลกแจกแถม ให้นักการเมืองแต่ละพรรคได้บำเหน็จกันไปพรรคละ1-2เก้าอี้ ซึ่งเป็นการหายากหาโอกาสดีๆแบบนี้ได้ยาก จะเป็นกันนานแค่ไหน ก็ไม่เป็นไร ขอให้ได้เป็นรัฐมนตรีไว้ก่อนดีกว่า เพราะการกดดันให้ยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ ต้องใช้เงินซื้อเสียงกันอย่างมโหฬารอีก เพราะที่ผ่านมาใช้เงินพรรคละพันล้านถึงหมื่นล้าน ยังถอนทุนกันไม่เสร็จ และยังไม่สามารถสะสมทุนไปเลือกตั้งใหม่ได้
จึงจำเป็นต้องถูลู่ถูกัง กอดคอกันเป็นรัฐบาลต่อไป อย่างน้อยก็หวังไปตายดาบหน้า ก็ยังดีกว่าตายในตอนนี้เลย
เมื่อคืนที่ผ่านมา หลายคนคงจะจดจ่อต่อผลการการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคร่วมรัฐบาล3 พรรค คือ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคชาติไทยพัฒนา ว่าผลการประชุม หรือมติของแต่ละพรรค จะตัดสินใจเดินหน้าต่อ หรือถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หรือไม่
ในที่สุดผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคของแต่ละพรรค ออกมาในลักษณะคลุมเครือ ต้องตีความ มีเล่ห์เหลี่ยม มีเงื่อนไข หมกเม็ด สร้างความอึมครึม ที่จะต้องตีความกัน ซึ่งจากกระแสข่าวพบว่า
1.พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้มีมติให้นายพีรพันธ์ สาลีรัฐวิภาค นำมติพรรคไปแจ้งต่อนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี ซึ่งกระแสข่าวบอกว่า เรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีให้นางสาวแพทองธาร ลาออก และพร้อมจะสนับสนุนนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยอีกคนเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่อยากถอนตัวในทันที เพราะเกรงว่านางสาวแพทองธาจจะยุบสภา เมื่อเลือกตั้งใหม่แล้ว กลัวว่าคะแนนของพรรคประชาชน จะชนะแบบถล่มทลายมากกว่าการเลือกตั้ง ปี 66 แสดงให้เห็นว่าฝ่ายอนุรักษ์นิยม ยังกลัวผีส้มอยู่ ยังเอาผีส้มมาเป็นข้ออ้างทางการเมืองไม่จบสิ้น ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องความสามารถของพรรคการเมืองด้วยซ้ำไป ที่จะต้องแข่งขันกัน ไม่ใช่กลัวพรรคการเมืองคู่แข่งแล้ว มาออกอุบายอีกแบบหนึ่ง พรรคการเมืองต้องแข่งขันกันแพ้ชนะเป็นเรื่องปกติอยู่ที่ประชาชนจะตัดสินใจ
2.พรรคประชาธิปัตย์ อืมครึ้มมาโดยตลอด ในที่สุดนักข่าวก็คาดคั้นจากนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค และนายเดชอิศม์ ขาวทอง ซึ่งเป็นเลขาธิการพรรค สุดท้ายก็คือมีมติไปต่อกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งไม่น่าแปลกใจ เพราะนายเดชอิศม์ เป็นคนสนิทหรือสายตรงกับคุณทักษิณ และการตัดสินใจไปต่อ ก็ไม่มีอะไรจะเสียอีก เพราะเสียจนไม่เหลืออะไรจะเสีย มาตั้งแต่ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลกับนางสาวแพทองธารแล้ว
3.พรรคชาติไทยพัฒนา ผลการประชุมค่อนข้างชัดที่สุดเป็นพรรคแรก คือการร่วมรัฐบาลต่อ และสนับสนุนนางสาวแพทองธาร และจะไปคุยรายละเอียดเกี่ยวกับกระแสความมั่นคงของชาติ เรื่องคลิปความขัดแย้งที่ชายแดน และสนับสนุนรัฐบาลเพื่อความมั่นคงของประเทศต่อไป ซึ่งสวนทางกับเนื้อหาในการโพสต์ของนางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ที่ให้คำนึงศักดิ์ศรีของพรรค และไม่สนับสนุนการกระทำใดที่ไม่ดีต่อชาติ ถ้าดูการโพสต์ของคุณกัญจนาแล้ว เชื่อว่าพรรคชาติไทยพัฒนา น่าจะถอนตัวอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่ในที่สุดมติพรรคให้ร่วมรัฐบาลต่อไป ซึ่งแสดงให้เห็นถึงDNAที่แท้จริงของพรรคชาติไทยพัฒนาในอดีต คือฉายา พรรคปลาไหลใส่สเก็ต
การที่ร่วมรัฐบาลฝ่ายอนุรักษ์นิยม3พรรค ที่ตัดสินใจแบบคลุมเครือ แบบแทงกั๊ก แบบต้องตีความ แบบมีเงื่อนไข ก็น่าจะมาจากสิ่งล่อใจ เมื่อพรรคภูมิใจไทยถอนตัวออกจากพรรครวมรัฐบาล ทำให้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่างลงถึง8-9ตำแหน่ง พรรคเพื่อไทยสามารถที่จะจัดโปรโมชั่น ลดแลกแจกแถม ให้นักการเมืองแต่ละพรรคได้บำเหน็จกันไปพรรคละ1-2เก้าอี้ ซึ่งเป็นการหายากหาโอกาสดีๆแบบนี้ได้ยาก จะเป็นกันนานแค่ไหน ก็ไม่เป็นไร ขอให้ได้เป็นรัฐมนตรีไว้ก่อนดีกว่า เพราะการกดดันให้ยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ ต้องใช้เงินซื้อเสียงกันอย่างมโหฬารอีก เพราะที่ผ่านมาใช้เงินพรรคละพันล้านถึงหมื่นล้าน ยังถอนทุนกันไม่เสร็จ และยังไม่สามารถสะสมทุนไปเลือกตั้งใหม่ได้
จึงจำเป็นต้องถูลู่ถูกัง กอดคอกันเป็นรัฐบาลต่อไป อย่างน้อยก็หวังไปตายดาบหน้า ก็ยังดีกว่าตายในตอนนี้เลย