นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล จะส่งผลต่อการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ต่อจากนี้หรือไม่ ว่า จริงๆ ในขั้นตอน กมธ. เราจะทิ้งความเป็นพรรคออกไป เพราะการเป็น กมธ. คือการเป็นตัวแทนที่สภาผู้แทนราษฎรแต่งตั้งมา แม้จะมีสัดส่วนของพรรคก็ตาม แต่เมื่อมาทำงานในชั้น กมธ.ชุดใหญ่ หรืออนุ กมธ. ที่มีหน้าที่ในการปรับลดงบประมาณแล้ว เมื่อหากไปดูก็จะเห็นว่า สส.ที่เป็น กมธ. ไม่ว่าจะจากพรรคใดก็ตาม เราทำงานกันหนักและปรับลดงบประมาณกันอย่างจริงจัง อะไรที่ไม่จำเป็น ไม่เร่งด่วน และต้องรีดไขมัน ทุกคนจริงจังกับการตัดอยู่แล้ว ฉะนั้น ตรงนี้เราไม่ค่อยห่วง เพราะหน้างานของแต่ละคนคงไม่ต่างกัน
ส่วนการลงมตินั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ตนยังไม่รู้แนวทางของพรรคภูมิใจไทยว่าจะตัดสินใจสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ อยู่หรือไม่ เพราะเขาเพิ่งขยับออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่โดยปกติแล้ว สส. ทุกคนรู้อยู่แล้วว่างบประมาณแผ่นดินเป็นสิ่งจำเป็นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเป็นเรื่องจำเป็นในการเข้าไปแก้ไขปัญหาให้ประชาชน
ส่วนการที่พรรคภูมิใจไทยออกไปเป็นฝ่ายค้านแล้ว เสียงที่รัฐบาลมีจะสุ่มเสี่ยงทำให้ร่างกฎหมายไม่ผ่านจนทำให้รัฐบาลต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า โดยปกติหากไม่ผ่านก็ต้องเป็นไปตามนั้น แต่เรายังมีความเชื่อมั่นอยู่ หากเรายังเดินหน้าในการเป็นรัฐบาลต่อ ก็ต้องมั่นใจ
สำหรับการพิจารณางบประมาณปี 2569 จะเป็นไปตามกรอบเวลาหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า โดยปกติแล้วตามกรอบคือ 105 วัน ซึ่งไม่เคยมีปัญหา มีบางปีที่ตึงๆ แน่นๆ หน่อย แต่ปีนี้เราเข้ามาค่อนข้างเร็ว จึงยังมีเวลาเหลือเพียงพอในการพิจารณา หลังจากนี้เมื่อมีความชัดเจนในเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ก็จะเดินหน้าในการตั้งอนุ กมธ. เมื่อตั้งอนุ กมธ.ฯ เสร็จ งานก็จะเร็วขึ้น เชื่อว่าจะเสร็จตามกรอบ อย่างไรก็ตาม กลไกรัฐธรรมนูญรองรับทุกอย่าง ทันหรือไม่ทัน ดำเนินการได้หมด หากไม่ทันกฎหมายก็บอกว่าให้ใช้ร่างเดิม ก็กลับไปใช้ร่างเดิม ส่วนกลไกที่จะไปปรับเปลี่ยนก็จะเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร สำนักงบประมาณที่จะปรับเปลี่ยนเพื่อให้มีความเหมาะสมกับสภาวะการณ์เศรษฐกิจ สังคมในแต่ละช่วง แต่ทั้งนี้เราตั้งความหวังว่าทำเสร็จทันอยู่แล้ว โดยคาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2-3 ช่วงวันที่ 13-15 สิงหาคมนี้