นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การส่งออกของไทยในเดือนพฤษภาคม 2568 สามารถขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง และยังเติบโตเป็นเลข 2 หลัก โดยมั่นใจว่าการส่งออกไทยจะยังเป็นพระเอกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ต่อไป และภาพรวมการส่งออกทั้งปีนี้จะไม่ติดลบอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะแถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย (การส่งออก-นำเข้า) ของเดือนพฤษภาคมนี้ เร็วกว่ากำหนดเดิม เป็นวันที่ 18 มิถุนายน 2568 จากกำหนดเดิมที่กระทรวงฯ จะแถลงตัวเลขในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของทุกเดือน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงแนวทางการรับมือการขึ้นภาษีนำเข้าตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของสหรัฐฯ ว่า ไทยควรดำเนินนโยบายให้เงินบาทอ่อนค่า เพื่อให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันด้านราคาได้ เพราะปัจจุบันเงินบาทแข็งค่ามากเกินไป ซึ่งอยากฝากไปถึงผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ให้ช่วยดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม หรืออยู่ในระดับประมาณ 37-38 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งจะช่วยหนุนภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทยได้ อีกทั้งยังช่วยบรรเทาผลกระทบจากกรณีการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ด้วย
สำหรับความคืบหน้าการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ นั้น นายพิชัย กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา และคงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะต้องเป็นไปตามหลักการเจรจาระหว่างประเทศ โดยเชื่อว่าภายในสัปดาห์นี้จะมีความคืบหน้าในอีกระดับแน่นอน โดยการประชุมระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ยังใช้รูปแบบการประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ แต่หากมีนัดหมายเพื่อพบหารือโดยตรง จะมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นหัวหน้าทีมไปเจรจาที่สหรัฐฯ ซึ่งมั่นใจว่าทีมไทยมีความพร้อมเต็มที่ในการเจรจา
อย่างไรก็ดี หากการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ ไม่สามารถได้ข้อสรุปทันภายในระยะเวลาที่ครบกำหนด 90 วันของการผ่อนผัน (9 ก.ค.) ทางสหรัฐฯ ก็เคยบอกไว้แล้วว่าอาจจะขยายเวลาให้สำหรับประเทศที่มีความตั้งใจในการเจรจา