นายจินดา ศรีสุพพัตพงษ์ หัวหน้าศูนย์ศึกษาและวิจัยอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 3 (ตรัง) เปิดเผยผลการสำรวจประชากรสัตว์ทะเลหายากในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นภารกิจการสำรวจและติดตามสถานภาพของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง การสำรวจครั้งนี้ได้ใช้เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน บินสำรวจในช่วงเวลาน้ำขึ้น ซึ่งเป็นช่วงที่พะยูนมักจะเข้ามาหากินในบริเวณแหล่งหญ้าทะเล โดยคณะเจ้าหน้าที่ได้ทำการสำรวจครอบคลุมพื้นที่สำคัญ ได้แก่ บริเวณเกาะมุกด์ทิศเหนือ, เกาะมุกด์ทิศใต้ และหาดหยงหลำ
จากการสำรวจปรากฏว่า เจ้าหน้าที่พบพะยูน จำนวน 2 ตัว โดยพบตัวแรกที่บริเวณทิศใต้ของเกาะมุกด์ และอีกตัวหนึ่งที่บริเวณหาดหยงหลำ จากการสังเกตการณ์ผ่านโดรน พบว่าพะยูนทั้งสองตัวมีพฤติกรรมปกติกำลังหากินหญ้าทะเล และมีการว่ายน้ำพลิกตัวให้เห็นเป็นระยะ สภาพร่างกายโดยรวมจากการประเมินด้วยสายตา (Body Condition Score - BCS) อยู่ในเกณฑ์ 3 จาก 5 ระดับ ซึ่งหมายถึงมีความสมบูรณ์ของร่างกายในระดับปานกลาง และมีอัตราการหายใจอยู่ที่ประมาณ 2-3 ครั้งในทุก 5 นาที ซึ่งถือเป็นอัตราที่ปกติ นอกจากการค้นพบพะยูนแล้ว การสำรวจยังพบสัตว์ทะเลหายากชนิดอื่น ๆ ที่บ่งชี้ถึงความหลากหลายทางชีวภาพของพื้นที่ โดยพบโลมาหลังโหนก (Sousa chinensis) จำนวน 8 ตัว บริเวณปากคลองควนตุ้งกู และพบเต่าตนุ อีก 6 ตัว บริเวณหาดหยงหลำ ซึ่งเป็นพื้นที่เดียวกับที่พบพะยูน
ทั้งนี้ การค้นพบพะยูนและสัตว์ทะเลหายากชนิดอื่น ๆ ในครั้งนี้ เป็นเครื่องยืนยันถึงความสำคัญของพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ซึ่งเป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยที่อุดมสมบูรณ์สำหรับสัตว์เหล่านี้ โดยเฉพาะพะยูนซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความสมบูรณ์ของระบบนิเวศหญ้าทะเล การที่พะยูนมีสภาพร่างกายที่สมบูรณ์และแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติ ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อความพยายามในการอนุรักษ์ โดยข้อมูลที่ได้จากการสำรวจจะถูกนำไปใช้ในทางวิชาการเพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลให้เกิดความยั่งยืนต่อไป