ข้อมูลล่าสุดของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานไว้ในช่วงของการแถลงภาวะสังคมไทยล่าสุด พบว่า หนี้สินครัวเรือน ณ สิ้นปี 2567 มีมูลค่ารวม 16.42 ล้านล้านบาท ขยายตัว 0.2%
ทั้งนี้ แม้ว่าจะเป็นอัตราที่ชะลอตัวลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่หกติดต่อกัน จากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ที่ให้สินเชื่อลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ปรับลดลงมาอยู่ที่ 88.4% จาก 88.9% ในไตรมาสก่อนหน้า แต่ก็ยังเป็นตัวเลขที่อยู่ในอัตราสูง
ประเด็นหนี้สินครัวเรือนที่ควรให้ความสำคัญเรื่องหนึ่งที่ สศช. เสนอแนะนั่นคือ การผลักดันให้สหกรณ์เข้าร่วมเป็นสมาชิกเครดิตบูโร โดยจากข้อมูลของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในปี 2567 พบว่า สหกรณ์ทุกประเภทมีการปล่อยกู้ให้กับสมาชิกมูลค่า 1.3 ล้านล้านบาท แต่สหกรณ์ที่เป็นสมาชิก เครดิตบูโรยังมีจำนวนน้อย ทำให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือนทำได้ยาก
นอกจากนี้ จากข้อมูลของเครดิตบูโรในไตรมาส 3 ปี 2567 พบว่าหนี้เสียของลูกหนี้สหกรณ์มีการขยายตัวสูงที่สุดเมื่อเทียบกับลูกหนี้ประเภทอื่น โดยสมาชิกส่วนใหญ่ของสหกรณ์ประกอบอาชีพข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือกลุ่มเกษตรกร ที่มีความเสี่ยงก่อหนี้ซ้ำซ้อนหากไม่มีวินัยทางการเงินที่ดี
โดยกรณีการเข้าร่วมเครดิตบูโรของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูประจวบคีรีขันธ์ พบว่า สามารถปรับพฤติกรรมทางการเงิน ผ่านการให้คำปรึกษา การประเมินข้อมูลเครดิต และประสานข้อมูลกับสถาบันทางการเงินอื่น เพื่อให้สมาชิกสามารถเข้าถึงสินเชื่อที่เหมาะสมกับศักยภาพของตนเองได้
ขณะเดียวกัน การเชื่อมโยงข้อมูลกับเครดิตบูโรจึงเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สามารถช่วยให้ประชาชนสามารถหลุดจากปัญหาหนี้สิน รวมถึงเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อที่เป็นธรรม
ดังนั้น ภาครัฐควรผลักดันเชิงนโยบายให้สหกรณ์เข้าร่วมเป็นสมาชิกกับเครดิตบูโร เพื่อให้สามารถบริหารจัดการหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมความมั่นคงทางการเงินของ ประชาชนในระยะยาว