มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน พร้อมภาคีเครือข่าย นำโดยนายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน พร้อมขบวนไรเดอร์นำรายชื่อประชาชน 53,900 รายชื่อ ยื่นต่อ กกต. เพื่อให้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้มีการจัดทำประชามติ เอา – ไม่เอา กาสิโน ตาม พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ
นายธนากร กล่าวว่า การออกเสียงของประชาชนมีการลงทุนลงแรง และความยากลำบากเสมอ กว่าเราจะได้ 53,900 รายชื่อ ใช้เวลานาน 120 วัน เราจึงอยากให้รัฐบาลช่วยฟังเสียงของประชาชนด้วย เพราะนี่คือเสียงของเจ้าของประเทศ และอยากจะวิงวอนต่อรัฐบาลว่าสังคมมีทางออก เราไม่ได้ต้องการให้เกิดความขัดแย้งหรือแตกแยก ในเมื่อสังคมและกฎหมายมีทางออก ดังนั้น การทำประชามติจะเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย ดังนี้
1. เรื่องนี้รัฐบาลไม่ได้เสนอในนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ถ้ารัฐบาลยังดันทุรังทำเรื่องนี้ไป อาจจะถูกร้องเรียนว่าผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งได้ ดังนั้นถ้ารัฐบาลยอมทำประชามติ แล้วถ้าทำออกมาแล้วเสียงเห็นชอบกับการมีกาสิโน นั่นเท่ากับว่ารัฐบาลมีฉันทามติจากเสียงประชาชน
2. ถ้ามีการทำประชามติจะเป็นผลดีทำให้ผู้ลงทุน เพราะถ้ารัฐบาลยังดึงดันทำเรื่องนี้ ออกกฏหมายไป ในสภาผู้แทนราษฎรกฎหมายฉบับนี้จะไม่เป็นที่ยอมรับสังคม และเมื่อใดก็ตาม ที่มีการขยับขับเคลื่อนไปทำกาสิโนที่ไหน ประชาชนในพื้นที่นั้นมีโอกาสสูงมากที่จะลุกขึ้นมาต่อต้าน นั้นการทำประชามติจะเป็นผลดีของการยอมรับของประชาชน และกลุ่มผู้ลงทุนจะได้มั่นใจ และ
3. ทำประชามติจะเป็นผลดีแน่นอนต่อการลดความขัดแย้ง ประชาชนเพราะเมื่อประชาชนทั้งประเทศฉันถามมติร่วมกัน ที่เห็นต่างอย่างไรก็ต้องยอมรับ นั้น จึงอยากส่งเสียงวิงวอนไปถึงรัฐบาล ถ้าการทำประชามติจะมีผลดีกับทุกฝ่าย และจะไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งแตกแยก และไม่ทำให้เกิดความร้องของอุณหภูมิทางการเมืองในประเทศ
นายธนากร กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามขั้นตอนต่อจากนี้ตามกฏหมาย กกต. จะมีเวลาตรวจสอบความถูกต้องไม่เกิน 30 วัน ทั้งเอกสารและขั้นตอนการเข้าชื่อว่สตรงตามเงื่อนไขหรือไม่ จากนั้น กกต. จะทำหน้าที่เป็นบุรุษไปรษณีย์ ส่งเรื่องและรายชื่อทั้งหมดนี้ไปยัง สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทางสำนักงานเลขาธิการจะเป็นผู้นำเรื่องต่อที่ประชุม ครม. เพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุม ซึ่งตามกฏหมายกำหนดว่า ครม.ต้องลงมติเห็นชอบในการทำประชามติ เพราะตราบใดที่เห็นชอบเรื่องนี้ก็จะเดินหน้าไม่ได้ อะไรก็ตามแม้กฎหมายไม่ได้เขียนระบุชัดถึงการเข้าชื่อ แต่เชื่อว่าทางสำนักเลขาธิการฯจะมีการตรวจสอบรายชื่ออีกครั้ง และเชื่อว่ารัฐบาลได้ยินเสียงของประชาชนแล้ว
ด้าน น.ส.ณัฐฐารินทร์ เกษมสารพิพัฒน์ หรือ เจ๊เอ๋ เจ้าหนี้ในวงการนอกระบบ ที่มาร่วมยื่นคำร้อง กล่าวว่าไม่เห็นด้วยแต่แรกที่รัฐบาลจะมางุบงิบทำกาสิโนขึ้นมา พวกคุณเป็นตัวแทนของประชาชนก็จริง แต่ไม่ใช่ทุกเรื่อง และประเทศนี้ไม่ใช่ประเทศที่รัฐบาลจะต้องมาครอบงำพวกเรา เราไม่ต้องการกาสิโน ถ้าจะมีต้องมาฟังเสียงประชาชน ว่าประชาชนต้องการอะไร ผลได้ ผลเสีย ผลดี ผลเลว ต้องเอามาแจงให้ชัดเจน เพราะรัฐบาลควรจะชัดเจนกับประชาชน และฟังเสียงประชาชนให้มากกว่านี้
ขณะที่สมาพันธ์เครือข่ายผู้ปกครองโรงเรียนมัธยม และสมาพันธ์ครูทั่วประเทศ นำความห่วงใยของครูและผู้ปกครองทั่วประเทศที่สะท้อนมา มอบหนังสือให้กับทางเลขาฯ มูลนิธิ เพื่อเป็นพลังร่วมคัดค้านกาสิโนและการพนันออนไลน์ที่รัฐบาล บอกว่าจะทำให้ถูกกฎหมาย ยอมไม่ได้ จึงนำหนังสือและแถลงการณ์มามอบให้กับททางมูลนิธิและเห็นด้วยกับการทำประชามติ ที่ถูกต้องตามกระบวนการของกฎหมาย ไม่ใช่ลักหลับ เหมือนกับรัฐบาลทำมากว่า 8 หมื่นชื่อ ไม่มีส่วนของภาคประชาชนเลย วันนี้เป็นความบริสุทธิโปร่งใสของปภาคประชาชนล้วนๆ ที่เราทำงานกันมากว่า 1 ปี ซึ่งต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ร่วงมกันลงชื่อ
น.ส.กรกนก มากบุญ ผู้ประสานงานการลงรายมือชื่อเพื่อประชามติครั้งนี้ กล่าวว่า ภาคประชาชนใช้เวลารวม 120 วัน ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมจนถึงเดือนพฤษภาคมกว่าจะรวบรวมรายชื่อได้ตามข้อกำหนดของ พ.ร.บ.ว่าด้วยออกเสียงประชามติ ขั้นตอนต่อจากนี้กกต.จะตรวจความครบถ้วนของรายชื่อทั้งหมดให้เสร็จภายใน 30 วัน หากรายชื่อทั้งหมดครบถ้วน กกต. จะนำส่งรายชื่อทั้งหมดต่อสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีซึ่งเท่ากับได้ส่งถึงมือรัฐบาล