วันนี้ (7 มิ.ย.) เวลา 07.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาาโหม เผยแพร่คำแถลงการณ์ที่ระบุถึงการหารือ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 กับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณชายแดน พื้นที่อรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
ทั้งนี้ มีข้อมูลบางประการที่เผยแพร่สู่สาธารณะ มีความคลาดเคลื่อนจากเนื้อหาที่ได้หารือกันในที่ประชุม เป็นที่น่าเสียดายที่ขอเสนอที่ดีซึ่งจะนำไปสู่การลดการเผชิญหน้าและสันติภาพถูกปฏิเสธ ยิ่งไปกว่านั้น กลับมีการเพิ่มกำลังทางการทหารที่ยิ่งเพิ่มความตึงเครียดพร้อมยืนยันชัดเจนว่า ไม่เคยเห็นด้วยกับการกระทำของใครก็ตามที่รุกล้ำอธิปไตยของไทย โดยรัฐบาลและกองทัพพร้อมจะปกป้องและรักษาอธิปไตยของประเทศอย่างถึงที่สุด ซึ่งจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการและเสริมกำลังด้วยเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ขอเน้นย้ำจุดยืนตามที่ได้หารือกับท่านนายกรัฐมนตรี ดังนี้
1. ไทยจะไม่ยอมให้มีการละเมิดอธิปไตย ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดทั้งสิ้น และพร้อมปกป้องอธิปไตยของไทยอย่างสุดกำลัง
2. ผมขอยืนยันสนับสนุนกองทัพให้ทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มกำลัง และให้กำลังใจแก่กำลังพลทุกนาย ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องผืนแผ่นดินไทย ขอย้ำว่า ทุกการดำเนินการของฝ่ายไทยจะคำนึงถึงชีวิต ความปลอดภัย ความสงบสุขของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดน และกำลังพลที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างเสียสละที่เป็นสำคัญ
3.รัฐบาลไทย ไม่ยอมรับ เขตอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(International Court of Justice: ICJ)มาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2503 และยืนยันการใช้กระบวนการเจรจาแบบทวิภาคีตาม MOU 2543 ซึ่งทั้งสองฝ่ายเคยเห็นพ้องร่วมกัน และยืนยันให้การประชุม JBC เป็นเวทีเพื่อหาทางออกโดยสันติวิธีอย่างเร็วที่สุด
4. ไทยเน้นย้ำจุดยืนเดิม ที่ขอให้มีการปรับกำลังในพื้นที่ของทั้งสองฝ่ายให้กลับสู่ที่ตั้งเดิมตามการปฏิบัติในปีพ.ศ. 2567 เพื่อลดเงื่อนไขการยกระดับความตึงเครียดและการเผชิญหน้า
ทั้งนี้ มีข้อมูลบางประการที่เผยแพร่สู่สาธารณะ มีความคลาดเคลื่อนจากเนื้อหาที่ได้หารือกันในที่ประชุม เป็นที่น่าเสียดายที่ขอเสนอที่ดีซึ่งจะนำไปสู่การลดการเผชิญหน้าและสันติภาพถูกปฏิเสธ ยิ่งไปกว่านั้น กลับมีการเพิ่มกำลังทางการทหารที่ยิ่งเพิ่มความตึงเครียดพร้อมยืนยันชัดเจนว่า ไม่เคยเห็นด้วยกับการกระทำของใครก็ตามที่รุกล้ำอธิปไตยของไทย โดยรัฐบาลและกองทัพพร้อมจะปกป้องและรักษาอธิปไตยของประเทศอย่างถึงที่สุด ซึ่งจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการและเสริมกำลังด้วยเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ขอเน้นย้ำจุดยืนตามที่ได้หารือกับท่านนายกรัฐมนตรี ดังนี้
1. ไทยจะไม่ยอมให้มีการละเมิดอธิปไตย ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดทั้งสิ้น และพร้อมปกป้องอธิปไตยของไทยอย่างสุดกำลัง
2. ผมขอยืนยันสนับสนุนกองทัพให้ทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มกำลัง และให้กำลังใจแก่กำลังพลทุกนาย ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องผืนแผ่นดินไทย ขอย้ำว่า ทุกการดำเนินการของฝ่ายไทยจะคำนึงถึงชีวิต ความปลอดภัย ความสงบสุขของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดน และกำลังพลที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างเสียสละที่เป็นสำคัญ
3.รัฐบาลไทย ไม่ยอมรับ เขตอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(International Court of Justice: ICJ)มาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2503 และยืนยันการใช้กระบวนการเจรจาแบบทวิภาคีตาม MOU 2543 ซึ่งทั้งสองฝ่ายเคยเห็นพ้องร่วมกัน และยืนยันให้การประชุม JBC เป็นเวทีเพื่อหาทางออกโดยสันติวิธีอย่างเร็วที่สุด
4. ไทยเน้นย้ำจุดยืนเดิม ที่ขอให้มีการปรับกำลังในพื้นที่ของทั้งสองฝ่ายให้กลับสู่ที่ตั้งเดิมตามการปฏิบัติในปีพ.ศ. 2567 เพื่อลดเงื่อนไขการยกระดับความตึงเครียดและการเผชิญหน้า