นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ร่วมด้วย พล.อ.มนัส จันดี เสนาธิการทหาร นางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ ปลัด ก.ต่างประเทศ แถลงเกี่ยวกับสถานการณ์ไทย-กัมพูชาว่า ตนได้มอบหมายให้ปลัด ก.ต่างประเทศ จัดประชุมเจบีซี เนื่องจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ไทย-กัมพูชาเป็นประเทศที่มีความใกล้ชิดกันทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชน จึงจำเป็นต้องดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลายจนกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งไม่เป็นผลดี
อย่างไรก็ตาม ได้เกิดเหตุปะทะขึ้นที่ช่องบก จ.อุบลฯ เมื่อ 28 พ.ค.68 เวลา 05.45 น. ก.ต่างประเทศรู้สึกไม่สบายใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปตามหลักกฏหมายระหว่างประเทศและกฎหมายผ่านแดนอย่างเหมาะสม และสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และแนวปฏิบัติสากลที่เกี่ยวข้อง
ปัจจุบันสถานการณ์ชายแดนยังสงบเรียบร้อย ทุกด่านยังเปิดทำการปกติ
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ตนได้มีการหารือกันในหลายระดับ แรกเริ่มได้มีการโทรศัพท์พูดคุยกับรองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศของกัมพูชา ซึ่งเห็นด้วยกับการยุติความตึงเครียด นอกจากนี้ ผบ.ทบ. ทั้งสองประเทศได้พบกันในวันที่ 29 พ.ค.68 เพื่อหาทางออกร่วมกัน และล่าสุดเมื่อวันที่ 30 พ.ค. ตนได้หารือกับสมเด็จฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา ที่ญี่ปุ่น ซึ่งเห็นตรงกันว่า ต้องร่วมมือกันเพื่อลดความตึงเครียด โดยใช้กลไกต่างๆ เพื่อให้เกิดความสงบความเรียบร้อยตามแนวชายแดน ซึ่งเป็นไปตามที่นายกฯ ของทั้งสองประเทศเห็นชอบเรื่องความร่วมมือทางการทหาร
ทั้งนี้ในระหว่างการเยือนกัมพูชาของที่นายกฯไทย ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่า จะใช้กลไกที่มีอยู่ แก้ไขปัญหาอย่างสันติ โดยไม่มีความขัดแย้ง ผ่านการประชุมระดับต่างๆ เช่น เจบีซี, จีบีซี และอาร์บีซี เพื่อให้ความสงบกลับคืนมา
วันนี้จึงมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาเตรียมความพร้อมสำหรับการพูดคุยในกรอบเจบีซีที่จะมีขึ้นโดยเร็วที่สุด
และเพื่อให้เกิดความเรียบร้อย และไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย จำเป็นที่ทั้งสองประเทศต้องใช้ความอดทนอดกลั้น ที่จะไม่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง และใช้กลไกเจบีซีแก้ปัญหา และขอฝากสื่อมวลชนว่า ต้องช่วยกัน ไม่เผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูก หรือไม่สมควรเปิดเผย ที่จะทำให้สถานการณ์แย่ลง