บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด ประเมินว่า ดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์ถัดไป (4-6 มิ.ย. 68) มีแนวรับที่ 1,140 และ 1,120 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,160 และ 1,180 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพ.ค.ของไทย ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประเด็นเกี่ยวกับนโยบายภาษีของสหรัฐฯ รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี ISM/PMI ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงานเดือนพฤษภาคม และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI เดือนพฤษภาคม ของญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษ และจีน ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพฤษภาคม (เบื้องต้น) และดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนเมษายน และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 ของยูโรโซน ตลอดจนการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)
โดยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (26-30 พ.ค.) ดัชนีหุ้นไทยขยับขึ้นช่วงสั้นๆ ในช่วงแรกก่อนจะร่วงลงแรงจนถึงช่วงกลางสัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับประเด็นสงครามการค้า หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เก็บภาษีนำเข้า 50% จากสหภาพยุโรป (EU) เนื่องจากการเจรจาการค้าระหว่างกันไม่มีความคืบหน้า แม้ภายหลังจะมีการประกาศเลื่อนเก็บภาษีดังกล่าวออกไปเป็นวันที่ 9 กรกฎาคม จากเดิม 1 มิถุนายน
ขณะที่การเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ก็ยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งยิ่งกดดันแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ประกอบกับเผชิญแรงขายหุ้นรายตัว โดยเฉพาะหุ้นแบงก์รายใหญ่แห่งหนึ่ง จากประเด็นการตัดขายหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยขยับขึ้นช่วงสั้นๆ ระหว่างสัปดาห์ ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค ขานรับรายงานข่าวที่ว่า ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ มีคำสั่งให้ระงับการใช้มาตรการภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ เนื่องจากใช้อำนาจเกินขอบเขต อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมาศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ได้สั่งระงับคำตัดสินดังกล่าว ส่งผลให้มาตรการภาษีของทรัมป์มีผลบังคับใช้ต่อ โดยประเด็นดังกล่าวส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงในช่วงปลายสัปดาห์
นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นไทยยังมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากแรงขายเพื่อปรับพอร์ตตามการปรับ MSCI Rebalance ซึ่งมีผลในวันที่ 30 พฤษภาคม และแรงขายทำกำไร ก่อนวันหยุดยาวของตลาดในประเทศ
โดยในวันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,149.18 จุด ลดลง 2.31% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 41,340.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.41% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.96% มาปิดที่ระดับ 240.46 จุด