การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท วาระแรก วันที่สาม วันนี้ (30 พ.ค.) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงกรณีที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และนายปารมี ไวจงเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ระบุถึงงบประมาณกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ว่า ประเด็นแรกคือเรื่องการหักเงิน 3,000 บาท ซึ่งมีการชะลอออกไปแล้วตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้ จึงอยากให้ผู้กู้ยืมเข้ามาปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ ซึ่งมีผู้เข้าข่ายต้องปรับโครงสร้างราว 500,000 คน และรัฐบาลได้ดำเนินการปรับโครงสร้างไปแล้ว 240,000 คน และปิดบัญชีแล้วประมาณ 3,300 คน
ส่วนที่บอกว่า กยศ.ถังแตกนั้น ยืนยันว่า คนที่เคยได้รับสิทธิ์อยู่ จะได้รับสิทธิ์ต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อก่อนนี้มีปัญหา แต่พอมีรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ได้มีการคำนวณใหม่ว่าจะเอาแบบไหน สุดท้ายเลยให้คำนวณย้อนหลังไปถึงวันที่กู้ยืม ถือเป็นงานใหญ่สำหรับ กยศ.
ทั้งนี้ ยืนยันว่า การคำนวณจะแล้วเสร็จช่วงเดือนกรกฎาคม 2568 เพื่อเดินหน้าเป็นแหล่งเงินช่วยเหลือประชาชนเรื่องการศึกษาต่อไป โดยในงบประมาณปีนี้ กยศ.มีภาระเรื่องของการกู้ยืมเงิน 41,3000 ล้านบาทเศษ ซึ่ง กยศ.ขอรับจัดสรร 21,900 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 19,000 ล้าน กยศ.จะบริหาร ซึ่งขั้นตอนของการจัดทำงบประมาณ หน่วยงานที่จะปรับลดคือสำนักงบประมาณ จากการไปพูดคุยว่าจะปรับลดแค่ไหน จึงเหลือประมาณ 5,000 ล้านบาทเศษ แต่ไม่ได้หมายความว่าเงินจำนวนนี้เพียงพอหรือขาด ซึ่งยังมีกลไกอื่นๆ ที่ยังยืดหยุ่นและเพิ่มเม็ดเงินไปยังหน่วยงาน และด้วยกลไกทั้งหมด เป้าหมายคือนักศึกษา นักเรียน คนที่อยู่ในระบบกู้ยืม และคนที่จะเข้ามากู้ยืมใหม่จะต้องได้รับโอกาสในการศึกษาครบทุกราย
ส่วนที่บอกว่า กยศ.ถังแตกนั้น ยืนยันว่า คนที่เคยได้รับสิทธิ์อยู่ จะได้รับสิทธิ์ต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อก่อนนี้มีปัญหา แต่พอมีรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ได้มีการคำนวณใหม่ว่าจะเอาแบบไหน สุดท้ายเลยให้คำนวณย้อนหลังไปถึงวันที่กู้ยืม ถือเป็นงานใหญ่สำหรับ กยศ.
ทั้งนี้ ยืนยันว่า การคำนวณจะแล้วเสร็จช่วงเดือนกรกฎาคม 2568 เพื่อเดินหน้าเป็นแหล่งเงินช่วยเหลือประชาชนเรื่องการศึกษาต่อไป โดยในงบประมาณปีนี้ กยศ.มีภาระเรื่องของการกู้ยืมเงิน 41,3000 ล้านบาทเศษ ซึ่ง กยศ.ขอรับจัดสรร 21,900 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 19,000 ล้าน กยศ.จะบริหาร ซึ่งขั้นตอนของการจัดทำงบประมาณ หน่วยงานที่จะปรับลดคือสำนักงบประมาณ จากการไปพูดคุยว่าจะปรับลดแค่ไหน จึงเหลือประมาณ 5,000 ล้านบาทเศษ แต่ไม่ได้หมายความว่าเงินจำนวนนี้เพียงพอหรือขาด ซึ่งยังมีกลไกอื่นๆ ที่ยังยืดหยุ่นและเพิ่มเม็ดเงินไปยังหน่วยงาน และด้วยกลไกทั้งหมด เป้าหมายคือนักศึกษา นักเรียน คนที่อยู่ในระบบกู้ยืม และคนที่จะเข้ามากู้ยืมใหม่จะต้องได้รับโอกาสในการศึกษาครบทุกราย