นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสรรพากรอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดการจัดเก็บภาษีการเดินทางออกนอกประเทศของคนไทยว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ เนื่องจากในอดีตเคยมีการจัดเก็บภาษีเดินทางมาแล้ว แต่ต่อมาได้ยกเว้นไม่เก็บภาษีดังกล่าว เนื่องจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจทำให้คนไทยไม่เดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งสถานการณ์แตกต่างจากสถานการณ์ปัจจุบันที่คนไทยเดินทางไปต่างประเทศจำนวนมาก ดังนั้นหากรัฐบาลต้องการจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น ภาษีเดินทางเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเพิ่มรายได้ แต่จะจัดเก็บภาษีหรือไม่ขึ้นอยู่กับรัฐบาล
อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ในอดีตมีการจัดเก็บภาษีเดินทาง เพราะคนไทยเดินทางไปต่างประเทศน้อยราย ทำให้การจัดเก็บไม่ยุ่งยากซับซ้อน แต่ปัจจุบันคนไทยเดินทางไปต่างประเทศปีละหลายล้านคน จึงต้องดูว่าหากจะจัดเก็บภาษีแล้ว คุ้มค่าต่อต้นทุนการจัดเก็บหรือไม่ ใครจะเป็นผู้จัดเก็บและใช้ระบบใดในการจัดเก็บ รวมถึงอัตราการจัดเก็บด้วยว่าจัดเก็บอย่างไรถึงเหมาะสม โดยปัจจุบันก็มีหลายประเทศที่เริ่มเก็บภาษีเดินทางต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ก็จะต้องนำเรื่องนี้มาพิจารณา
นายปิ่นสาย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรในปีงบประมาณ 2569 อยู่ที่ 2.4 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเป้าหมายปีงบประมาณ 68 ราว 100,000 ล้านบาท ดังนั้นหากต้องการจัดเก็บรายได้เพิ่ม จึงจำเป็นต้องหาแนวทางในการจัดเก็บภาษี ทั้งการสำรวจกลุ่มธุรกิจที่ยังไม่เข้าสู่ระบบ อาทิ ธุรกิจยา, ร้านอาหาร, ธุรกิจกลางคืน และซื้อมาขายไปด้วยเงินสดและผ่านออนไลน์