xs
xsm
sm
md
lg

สภาฯ ผ่านร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ วาระแรก 454 ต่อ 0 เสียง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ วันนี้ (28 พ.ค.) พิจารณาเรื่องด่วน ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ที่มี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตัวแทนคณะรัฐมนตรี ได้เสนอร่างพ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ฉบับที่ พ.ศ. เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมเปลี่ยนชื่อจากสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เป็นคำว่า สำนักงานพระคลังข้างที่ และโอนกิจการสำนักพระราชวังเฉพาะส่วนของพระคลังข้างที่ ไปเป็นของสำนักงานพระคลังข้างที่ เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีภาระหน้าที่ในการดูแลจัดการพระราชทรัพย์ของพระมหากษัตริย์มาตั้งแต่โบราณกาล

ด้าน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวอภิปรายว่า เมื่อทราบว่า ครม. จะเสนอร่าง พ.ร.บ. จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ฉบับนี้ เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ตนให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะร่างกฎหมายฉบับนี้ ไปเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของแผ่นดินที่สำคัญอย่างยิ่ง คือทรัพย์สินของสถาบันพระมหากษัตริย์ ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งตั้งแต่เมื่อ 20 ปีที่แล้ว มีการประเมินกันว่าทรัพย์สินของแผ่นดินในส่วนนี้ มีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านบาท ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ เป็นการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ที่บัญญัติขึ้นมาใหม่ในยุครัฐบาล คสช. เมื่อปี 2561 ซึ่งการออกกฎหมายในครั้งนั้น ส่งผลให้การดูแลและบริหารพระราชทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ ความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเช่น ชื่อเรียก crown property หรือทรัพย์สินของสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่เคยเรียกกันว่า ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ในรัชสมัยก่อนหน้านี้ ได้เปลี่ยนเป็นทรัพย์สินในพระมหากษัตริย์ ขณะที่ “ทรัพย์สินส่วนพระองค์” เปลี่ยนเป็น “ทรัพย์สินในพระองค์” ในแง่ของการดูแลและการบริหารจัดการก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย กล่าวคือในรัชสมัยก่อนหน้านี้ การดูแลทรัพย์สินของสถาบันพระมหากษัตริย์หรือ crown property จะแตกต่างไปจากการดูแลทรัพย์สินส่วนพระองค์ การดูแลทรัพย์สินส่วนพระองค์จะเป็นไปตามพระราชอัธยาศัย ส่วนทรัพย์สินของสถาบันพระมหากษัตริย์จะดูแลโดยสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ แต่ผลของกฎหมายยุค คสช. เมื่อปี 2561 ทำให้เส้นแบ่งนี้ไม่ชัดเจน ทำให้ไม่มี สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งทำหน้าที่ดูแลทรัพย์สินที่เป็นของสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นการเฉพาะอีกแล้ว แต่ได้เปลี่ยนไปเป็น สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ โดยการดูแลและบริหารจัดการพระราชทรัพย์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์หรือทรัพย์สินส่วนที่เป็นของสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย พระองค์จะทรงมอบหมายให้สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ บุคคลใด หรือหน่วยงานใด เป็นผู้จัดการทรัพย์สินใด อย่างไรก็ได้

อย่างไรก็ตาม สำหรับพระราชทรัพย์ในส่วนที่เป็นของสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งไม่ใช่ส่วนพระองค์นั้น เราจะมีวิธีการดูแลและบริหารจัดการอย่างไร ให้ทรัพย์สินของแผ่นดินส่วนนี้มีความมั่นคงสถาพรที่สุด เพื่อธำรงไว้ซึ่งพระเกียรติยศและพระราชสถานะภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นั่นไม่ใช่ประเด็นที่พวกเราจะมาพิจารณากันในวันนี้ เพราะร่างกฎหมายที่รัฐบาลเสนอเข้ามาในวันนี้ ไม่ได้มีเนื้อหาสาระไปกระทบหรือส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการจัดการดูแลพระราชทรัพย์แต่ประการใด เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญส่วนดังกล่าวได้กระทำไปแล้วในยุค คสช.

สาระสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้ เป็นเพียงการเปลี่ยนชื่อ “สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์” ตามกฎหมายปี 2561 เป็น “สำนักงานพระคลังข้างที่” แต่เพียงเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีประเด็นอะไรที่จะคัดค้านร่างกฎหมายของรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้แทนราษฎร อยากเสนอให้กระบวนการพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นไปตามกระบวนการนิติบัญญัติปกติ ไม่อยากให้มีการเสนอให้พิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้แบบกระบวนการพิเศษ เช่น ให้พิจารณาวันเดียว 3 วาระรวด เพราะยิ่งเป็นร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสถาบันที่เป็นพระประมุขของชาติ สภาฯ ยิ่งควรดำเนินการอย่างรอบคอบและถี่ถ้วน รวมถึงต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยในหมู่ประชาชนโดยไม่จำเป็น

นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า ผู้แทนราษฎรพรรคประชาชนจะทำหน้าที่พิทักษ์ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ Constitutional Monarchy ระบอบประชาธิปไตยที่พระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ระวังไม่ให้กฎหมายใดถูกติฉินครหาได้ว่ามีใครพยายามทำให้หลุดพ้นไปจากหลักอันเป็นหัวใจของ Constitutional Monarchy นั่นคือการที่พระมหากษัตริย์ทรง ปกเกล้าไม่ปกครอง อันเป็นการรักษาพระราชสถานะของพระประมุขให้ปราศจากการเมืองอย่างแท้จริง ดังนั้นแม้พวกตนสามารถรับหลักการร่างกฎหมายฉบับนี้ได้ แต่ไม่อาจเห็นด้วยกับกระบวนการที่ ครม. เสนอให้มีการใช้คณะกรรมาธิการเต็มสภาเพื่อเร่งรัดกระบวนการในการพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้

ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติรับหลักการวาระแรก ด้วยมติเห็นด้วย 451 เสียง ไม่เห็นด้วย 0 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง และไม่ลงคะแนนเสียง 0 เสียง