พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า หลังจากพยายามที่สืบสวนหาข้อมูล รวมถึงเส้นทางการเงินเกี่ยวกับการยักยอกเงินของวัดไร่ขิง มีความคืบหน้าและชัดเจนหลายเรื่อง แต่ยังมีบางประเด็นที่ยังสงสัยอยู่ โดยเฉพาะนายเอกพจน์ หรืออดีตพระมหาเอกพจน์ คนสนิทของนายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง เกี่ยวกับการดูแลจัดการเงิน และเส้นทางการเงินที่พบว่าโอนไปยังนางสาวอรัญญาวรรณ รวมถึงบัญชีนายฉัตรชัย ที่ถูกอดีตเจ้าอาวาสนำไปใช้โอนเงินให้กับนางสาวอรัญวรรณ ด้วย ทางพนักงานสอบสวนจำเป็นต้องเข้าไปสอบปากคำเพิ่มเติมภายในเรือนจำภายในสัปดาห์นี้
รวมถึงข้อมูลการถือครองทรัพย์สินของนางสาวอรัญญาวรรณ มูลค่ากว่า 40 ล้านบาท จากข้อมูลการสอบสวนพบว่านางสาวอรัญญาวรรณ เอาเงินส่วนหนึ่งที่ได้มาจากอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงไปเล่นการพนัน บางส่วนเอาไปซื้อทรัพย์สินครอบครอง ทั้งที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ ซึ่งมียอดเงินหมุนเวียนในบัญชีนางสาวอรัญญาวรรณ 4 บัญชี ตั้งแต่ ปี 2563 กว่า 2,000 ล้านบาท ไม่กังวลหากนางสาวอรัญญาวรรณ ขายต่อ หรือโยกย้ายชื่อผู้ครอบครอง ทางการสอบสวนสามารถติดตามข้อมูลได้จากเส้นทางการทำธุรกรรม
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยเรื่องการเอาผิด "หมอเตย" หญิงคนสนิทอดีตเจ้าอาวาส และสามี ว่า พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำไวยาวัจกรวัดไร่ขิง รวมถึงผู้เกี่ยวข้องแล้ว ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน คาดว่าเพียงพอต่อการดำเนินคดี ซึ่งจะมีความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้
มีรายงานเพิ่มเติมว่า หญิงคนสนิทอดีตเจ้าอาวาส และสามี ถือครองทรัพย์สิน ที่ดิน และรถยนต์หลายรายการ เช่น ร้านกาแฟในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย สวนเกษตรที่อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร ที่ดินในพื้นที่จังหวัดข่อนแก่น เชียงใหม่ มีมูลค่ามากกว่า 40 ล้านบาท เป็นเส้นทางการครอบครองทรัพย์สินที่เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าได้มันจากการยักยอกทรัพย์ด้วยหรือไม่ และที่มาที่ไปอย่างไร ซึ่งหากอยู่ในคดีการยักยอกทรัพย์ ก็เข้าข่ายมูลฐานความผิดการฟอกเงิน ซึ่งจำเป็นจะต้องติดตามทรัพย์เพื่ออายัดทรัพย์สินหากมีการแจ้งข้อกล่าวหา
ส่วนประเด็นที่พบข้อมูลนายแย้ม ไปยืมเงินจากเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ได้สั่งให้ชุดพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามขยายผล และตรวจสอบเส้นทางการเงินเพิ่มเติม