พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะในช่วงภาวะเศรษฐกิจเศรษฐกิจตกต่ำ การแก้ของรัฐบาลเป็นไปอย่างล่าช้าและไม่ได้ผลเป็นรูปธรรม จึงได้สั่งการให้ สส. และผู้สมัคร สส. ในทุกพื้นที่ลงไปให้การช่วยเหลือและรับฟังความเดือดร้อนและปัญหาของ ประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจะเห็นว่าการลงพื้นที่ของนายสุรเดช ยะสวัสดิ์ นายชัยมงคล ไชยรบ นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และ นายสุธรรม จริตงาม สส. จังหวัดนครศรีธรรมราช และท่านอื่นๆ ได้ลงพื้นที่รับฟังปัญหาต่างๆ พบว่าขณะนี้ปัญหาสินค้าเกษตรราคาตกต่ำที่สุดในประวัติการณ์ ราคาน้ำนมดิบ น้ำมันปาล์ม เหลือราคากิโลละกรัมละไม่ถึง 4 บาท และมีแนวโน้มจะลดลงเรื่อยๆ ราคาข้าวคุณภาพดีและปานกลาง ราคาตกต่ำอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มะม่วงสุก ราคาซื้อหน้าสวนเหลือ กก.ละ 2บาท รวมถึงราคาพืชผลเกษตร ตกต่ำมาก แต่ไร้มาตรการช่วยเหลือ
ทั้งนี้ เนื่องจากหน่วยงานต่างๆในแต่ละกระทรวงไม่ว่าจะเป็น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการต่างประเทศ ทำงานไม่สอดคล้องและไม่เอาปัญหาของพี่น้องประชาชนชน มาเป็นที่ตั้งในการขับเคลื่อน ทำให้การระบายสินค้าหรือการส่งออกไปต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีนและยุโรปมีปัญหา ส่งผลกระทบต่อราคาพืชผลในประเทศ และรายได้ของเกษตรกร เกิดปัญหา และหนี้สินครัวเรือนสูงขึ้นไม่หยุด จากตัวเลขของธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่า คนไทย 25.5 ล้านคน หรือ 1 ใน 3 (38.2%) เป็นหนี้ มูลค่าหนี้เฉลี่ยอยู่ที่คนละ 539,291 บาทต่อคน ขณะที่คนมีหนี้เกินกว่า 1 ล้านบาท มีจำนวนสูงถึง 13.5% และมีหนี้เฉลี่ยต่อคนถึง 3.3 บัญชี ซึ่งตัวเลขหนี้ครัวเรือนสูงมากจนน่าเป็นห่วง ขณะเดียวกัน การแก้หนี้ครัวเรือนโครงการ "คุณสู้ เราช่วย" ของรัฐบาลก็ไม่ได้รับความนิยม และไม่สามารถแก้ครัวเรือนได้อย่างแท้จริง
ความล้มเหลวในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้อยู่ดีกินดีขึ้น ตามที่เคยหาเสียงไว้กลับไม่ดำเนินการใดๆ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาระบบเศรษฐกิจให้คนไทยอยู่ดีกินดีขึ้น GDP ขึ้น 5% ค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ทั่วประเทศ จบปริญญาตรีมาเงินเดือนขั้นต่ำ 25,000 บาท ลดราคาน้ำมันและไฟฟ้า ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญของโครงการพัฒนาระบบการขนส่ง อุตสาหกรรมและการค้าและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน รัฐบาลกลับขึ้นภาษีน้ำมัน ทำให้ราคาน้ำมันของประเทศไทยสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านโดยรอบ
พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีไม่เข้าใจเรื่องการเสริมสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน หรือ competitive advantage เงินงบประมาณที่เอาลงเข้าสู่ระบบ จึงเป็นไปอย่างไร้ทิศทาง ไม่ก่อให้เกิดศักยภาพในการแข่งขันของธุรกิจขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ของไทยแต่อย่างใด สังเกตได้จากตัวเลขตัวเลข GDP ของประเทศไทยต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งสิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม กัมพูชา และ สปป.ลาว แต่กลับไปขับเคลื่อนแต่โครงการที่มีเงื่อนงำและประโยชน์แอบแฝง เช่น โครงการเงินดิจิทัล จีโทเคน และกาสิโนเสรี โดยเฉพาะเรื่องกาสิโนเสรี หรือการพยายามผลักดัน พ.ร.บ. สถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งรัฐบาลพยายามผลักดันเข้าสู่สภาอีกรอบ เรื่องนี้ พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค และสมาชิกพรรคทุกคนไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน และยืนยันกับพี่น้องประชาชนอย่างชัดเจนว่าจะไม่ยินยอมให้มีการเปิดบ่อนเสรี เพื่อประโยชน์ของคนบางคนหรือกลุ่มบุคคลโดยเด็ดขาด
นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร มีความห่วงใยน้ำท่วมแม่สาย จ.เชียงราย ได้เตรียมสั่งการให้นายสุรเดช รองหัวหน้าพรรค เตรียมตรวจเยี่ยม และให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยดังกล่าวดังกล่าวด้วย