ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เปิดเผยผลเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ว่า การพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างตนเองกับนางอัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ในฐานะองค์กรฝ่ายบริหารของกลุ่มอียู เมื่อคืนนี้ (25 พ.ค.) สหรัฐฯ ตกลงให้เลื่อนระยะเวลาการเก็บภาษีตอบโต้ร้อยละ 50 สำหรับการนำเข้าสินค้าจากกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ไปจนถึงวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ จากเดิม 1 มิถุนายนนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์มองเรื่องนี้ว่า เป็นตัวอย่างล่าสุดเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในเรื่องนโยบายภาษีของรัฐบาลทรัมป์ คือ การกลับลำจากมาตรการภาษีที่เคยขู่ไว้ในตอนแรก สร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา
นายทรัมป์ เปิดเผยกับนักข่าวที่สนามบินมอร์ริสทาวน์ รัฐนิวเจอร์ซี ก่อนเดินทางด้วยเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน มุ่งหน้ายังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ถึงบรรยากาศการพูดคุยทางโทรศัพท์กับนางฟ็อน แดร์ ไลเอิน ว่า ดำเนินไปอย่างชื่นมื่น
ต่อมา นายทรัมป์ โพสต์ข้อความทาง Truth Social ว่า สหรัฐฯ คาดว่าการเจรจาระหว่างคณะผู้แทนจากสหรัฐฯ กับกลุ่มอียูจะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ สอดคล้องกับนางฟ็อน แดร์ ไลเอิน ที่โพสต์ข้อความทาง X ว่า การคุยทางโทรศัพท์กับนายทรัมป์ ดำเนินไปอย่างราบรื่น ทั้งกลุ่มอียูและสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ทางการค้าที่ใกล้ชิดที่สุด และมีผลกระทบที่สุดต่อการค้าทั่วโลก
นางฟ็อน แดร์ ไลเอิน เชื่อว่ามีเวลาพอที่จะกลับไปหารือกับรัฐสมาชิกอียู 27 ประเทศ หลังจากได้ข้อสรุปอย่างไรแล้ว ผู้แทนกลุ่มอียูจะเปิดเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ โดยเร็ว
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่า ในปี 2567 สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับกลุ่มอียู 236,00 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (23 พ.ค.) นายทรัมป์ เปิดเผยว่า เขาไม่คิดจะเจรจากับกลุ่มอียู พร้อมทั้งคาดว่าจะเริ่มเก็บภาษีร้อยละ 50 จากกลุ่มอียู เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนนี้ ซึ่งเป็นอัตราภาษีใหม่ที่แตกต่างจากอัตราจากเดิมร้อยละ 20 ตามประกาศของรัฐบาลทรัมป์ในเดือนเมษายน แต่ล่าสุด นายทรัมป์ ก็ยอมชะลอมาตรการนี้ไว้ก่อน