นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดซื้อเรือดำน้ำ ว่า ภายหลังเดินทางไปเยอรมนี ซึ่งได้พูดคุยกับรัฐมนตรีกลาโหมของเยอรมนี เอกอัครราชทูตจีน และตัวแทนประเทศปากีสถาน ทำให้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ โดยขณะนี้มี 2 แนวทาง คือ หากไม่ซื้อ ก็จะกระทบกับงบประมาณ 8,000 ล้านบาท ที่ได้เสียไปก่อนหน้านี้ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญให้คิดมาก หรือหากเดินหน้าต่อก็ต้องทำความเข้าใจกับประชาชน ว่านี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดหรือไม่ สิ่งไหนที่รักษาผลประโยชน์ของประเทศมากที่สุด โดยตนเองจะใช้แนวทางดังกล่าวมาตัดสินใจ พร้อมยอมรับว่า ทางการจีนอยากได้คำตอบเรื่องนี้มานานแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาถูกทั้งบริษัท ทางการจีน กองทัพเรือ ได้เสนอเงื่อนไขมาให้ตนเองต้องตัดสินใจ เพราะกองทัพเรือได้ตัดสินใจมาแล้ว ดังนั้น เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เมื่อได้พูดคุยกันกับทางการจีน ซึ่งไม่อยากแทรกแซงประเทศไทย แต่ก็ต้องรักษาเงื่อนไขตามที่ได้ทำสัญญาไว้ โดยหลังจากนี้ ภายในสิ้นเดือนนี้ หรือต้นเดือนมิถุนายน ตนเองก็จะตัดสินใจได้ เพราะข้อกังวลต่างๆ ที่สงสัยก็ได้ทำทุกขั้นตอนแล้ว และมีคำตอบชัดเจนแล้ว ดังนั้น เมื่อทุกคนได้ฟังรายละเอียดที่ตนเองเคยชี้แจงมาแล้ว หากลองมาเป็นตนเองจะช่วยตัดสินใจอย่างไร สามารถแนะนำได้
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ส่วนมีแนวโน้มไปในทิศทางใด ก็ต้องหาทางที่มีเหตุผลให้กับประชาชนรับทราบได้ และเมื่อเป็นปัญหาที่คาราคาซังมานานก็กระทบกับการจัดงบประมาณของกองทัพ และเรื่องยังค้างคา ดังนั้น ถึงเวลาสมควรแล้วที่ต้องตัดสินใจ โดยกองทัพเรือก็ต้องรอการตัดสินใจจากตนเอง พร้อมย้ำ เรือดำน้ำจะเดินหน้าไปในทิศทางใดจะเกิดขึ้นในยุคของตนเองอย่างแน่นอน เพราะต้องตัดสินใจ และเสนอนายกรัฐมนตรี และชี้แจงต่อสาธารณชนรับทราบ ตรวจสอบได้ และการตัดสินใจไม่อยากให้เกิดกระแสดรามา เพราะจะส่งผลเสียหายต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และส่งผลเสียหายกับคนทำงาน ซึ่งพยายามแก้ปัญหาอยู่ โดยที่ผ่านมาได้พยายามขอความคิดเห็นอย่างรอบด้าน ซึ่งวันนี้ถือว่าข้อมูลครบ ดังนั้น จึงต้องตัดสินใจอยู่แล้ว