พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นสักขีพยานในการจ่ายเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวจนทำให้อาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) พังถล่ม จำนวน 21 ราย ณ สภาทนายความ โดยมีนายสุนทร พยัคฆ์ เลขาธิการสภาทนายความ นายสงครามสกุลพราหมณ์ อุปนายกฝ่ายบริหารสภาทนายความ พันตำรวจโท อมร หงษ์ศรีทอง ผู้อำนวยการกองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ กรมสอบสวนคดีพิเศษ นางสาวดวงดาว เกียรติพิศาลสกุล รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นายปฐมพร โรจน์เรืองแสง หัวหน้ากลุ่มงานช่วยเหลือและเยียวยา กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นายภิรัช ปภาภิวัฒไชย กรรมการพิจารณาการจ่ายเงินแก่ผู้เสียหายฯ นางสาวมาลินี วัชราสิน กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการพิจารณาการจ่ายเงินแก่ผู้เสียหายฯ และผู้แทนจากกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี ร่วมเป็นสักขีพยานในการจ่ายเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมครั้งแรกนี้
ทั้งนี้ การมอบเงินดังกล่วเกิดขึ้นหลังกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี ซึ่งประกอบไปด้วย บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ได้ประสานผ่านมายังกระทรวงยุติธรรมและสภาทนายความถึงความประสงค์ของกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี ที่ต้องการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเบื้องต้นแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ แม้จะยังไม่มีผลสรุปสาเหตุการพังถล่มของอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) อย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงการก่อสร้างอาคาร สตง. และ/หรือ คณะพนักงานสอบสวน โดยขอให้สภาทนายความและหน่วยงานต่างๆ เป็นคนกลางร่วมกันพิจารณาหลักเกณฑ์ในการจ่ายเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี ให้แก่ผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ
สภาทนายความจึงได้มีคำสั่งสภาทนายความที่ 145/2568 ลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 ในการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาการจ่ายเงินแก่ผู้เสียหาย กรณีตึกอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม เมื่อวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2568 อันประกอบไปด้วยผู้แทนจากสภาทนายความ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี โดยคณะกรรมการพิจารณาการจ่ายเงินแก่ผู้เสียหายฯ ก็ได้เร่งการพิจารณาการจ่ายเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบในคราวแรกนี้จำนวนรวมทั้งสิ้น 21 ราย ประกอบไปด้วยผู้เสียชีวิต 12 ราย โดยผู้แทนทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกจะได้รับเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมรายละ 1,000,000 บาท และผู้ได้รับบาดเจ็บ 9 ราย จะได้รับเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมรายละ 200,000 บาท
สำหรับบุคคลผู้มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมรายอื่นที่ประสงค์จะเข้าขอรับเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมดังกล่าว สามารถแสดงความจำนงและดำเนินการจัดส่งเอกสารหลักฐานประกอบต่างๆ มายังสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อที่คณะกรรมการพิจารณาการจ่ายเงินแก่ผู้เสียหายฯ จะได้เร่งพิจารณาจ่ายเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมได้อย่างถูกต้องต่อไปโดยหากมีข้อสงสัยประการใดสามารถติดต่อนายภิรัช ปภาภิวัฒไชย เบอร์ติดต่อ 099-249-9494 หรือนางสาวมาลินี วัชราลิน เบอร์ติดต่อ 094-495-4927
นายสุนทร พยัคฆ์ เลขาธิการสภาทนายความ ยืนยันว่า การจ่ายเงินช่วยเหลือวันนี้ เป็นไปเพื่อมนุษยธรรม ไม่เกี่ยวข้อง กับเรื่องของคดีความแต่อย่างใด โดยผู้ได้รับผลกระทบยังคงเรียกร้องความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้ตามหลักเกณฑ์ต่อไป
นายศุภมิตร วัฒน์นพคุณ ผู้แทนบริษัท ซีอาร์อีซี นัมเบอร์ 10 จำกัด กล่าวถึงกรณีมีเอกสารรับเงินเยียวยาปรากฏตามโซเชียลมีเดียมากมาย และมีลักษณะให้ผู้ได้รับเงินยอมความว่า เอกสารรับเงินเยียวยา คณะทำงานเงินเยียวยายังไม่เคยเปิดเผย และขออย่าให้ความเชื่อถือกับเอกสาร ในโซเชียลมีเดีย แต่ยืนยันว่าแม้ยังไม่การสรุปถึงสาเหตุของอาคารถล่มแต่สิ่งที่ทำในขณะนี้คือการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ได้รับผลกระทบและยืนยันว่าการจ่ายเงินไม่ได้มีเจตนาหรือหวังผลใดใดในคดี เช่น การจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลหรือค่าทำศพที่ผ่านมาเป็นต้น
นายเกรียงศักดิ์ กอวัฒนา รองประธานบริหารอาวุโส กิจการร่วมค้า ITD-CREC กล่าวเพิ่มเติมว่า ขั้นตอนในขณะนี้ยังต้องพิสูจน์ DNA ผู้เสียชีวิต อีกหลายราย เพื่อให้เกิดความถูกต้อง จึงทำให้ เบื้องต้นวันนี้ ช่วยเหลือได้ก่อน 21 ราย แต่ รายอื่นๆ เชื่อว่ากระบวนการ จะแล้วเสร็จภายใน เดือนนี้ แต่ ไม่ได้หมายความว่าหากเกินเวลา 30 วัน หรือสิ้นเดือนนี้ผู้ได้รับผลกระทบจะไม่สามารถเรียกร้องได้อีกต่อไป พร้อมยืนยันแม้เลยกำหนด 30 วันที่คณะทำงานกวางกรอบไว้ก็ยังคงสามารถมาเรียกร้องขอความช่วยเหลือได้