ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา คนที่หนึ่ง แถลงข่าวผลการประชุมแพทยสภา ครั้งที่ 5/2568 ประจำเดือนพฤษภาคม มีวาระสำคัญคือการพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ที่เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ในกรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม
ที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภาได้มีมติลงโทษแพทย์ 3 คน โดยเป็นการว่ากล่าวตักเตือน 1 คน ในกรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐาน มีการพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 คน ในกรณีให้ข้อมูลและเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งแพทยสภาเสร็จจากการประชุมวันนี้ มีหน้าที่จะต้องนำเสนอมติต่อสภานายกพิเศษ คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายสมศักดิ์ เทพสุทิน) เพื่อขอความเห็นชอบก่อนที่จะดำเนินการตามมติ
"วันนี้เป็นมติของที่ประชุม แต่การดำเนินการทั้งหลายเราจะต้องรอความเห็นจาก รมว.สาธารณสุข ซึ่งเป็นขั้นตอนตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 ต่อไป"
ศ.นพ.ประสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเพิ่มเติมว่า แพทย์ 1 คนที่ว่ากล่าวตักเตือน เพราะเป็นความผิดที่ไม่รุนแรงมากนัก คือการประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐาน เกี่ยวกับการออกใบส่งตัว แต่แพทย์อีก 2 คนที่ถูกพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม เป็นเรื่องของการให้ข้อมูลเอกสารทางการแพทย์ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง
เมื่อถามว่า ไม่ตรงกับอาการหรืออย่างไร ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ขออนุญาตตอบสั้นๆ ว่า ขณะนี้ข้อมูลที่เราได้รับไม่ได้มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนว่ามีภาวะวิกฤตเกิดขึ้น ตนให้ข้อมูลได้แค่นี้ แต่ทั้งหมดเป็นเหตุแห่งการกำหนดที่ต้องมีการลงโทษการพักใช้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม ถือเป็นการลงโทษรุนแรงกับแพทย์ทุกคนอยู่แล้ว และถือว่าเป็นความผิดที่รุนแรง
ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่สามารถตอบได้ว่าพักใช้ใบอนุญาตนานเท่าใด เพราะต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่้าการกระทรวงสาธารณสุขก่อน ซึ่งมีขั้นตอนในการพิจารณา 7 ขั้นตอน ขั้นตอนสุดท้ายต้องส่งมติไปให้ รมว.สาธารณสุข ถ้าเห็นชอบก็ไปตามนั้น แต่ถ้าไม่เห็นชอบเรื่องนี้ก็จะต้องกลับมาที่แพทยสภาอีกหนึ่งครั้ง จนได้ข้อสรุป ถึงตอนนั้นจะแถลงข่าวให้ทราบว่าจะมีการพักใช้ใบอนุญาตระยะเวลานานเท่าใด
ส่วนเอกสารเรื่องอาการป่วยนายทักษิณนั้น ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า เอกสารทั้งหมดที่ได้รับ เราอาจจะได้รับไม่หมด แต่ที่ได้รับทั้งหมดข้อมูลเป็นแบบนั้น ส่วนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อมติที่ออกมานั้น แพทยสภายึดความถูกต้อง ยึดหลักฐานต่างๆ ไม่ได้อิงปัจจัยภายนอก ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าบุคคลรายนี้คือใคร ไม่เช่นนั้นจะมีประเด็น เพราะฉะนั้นข้อมูลที่มีแบบนี้ เราสรุปแบบนี้ ตอบคำถามให้แล้ว เพียงแต่ให้รู้ว่าโดย พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม ปี 2525 เรามีมติอย่างไรมันไม่สิ้นสุด คำสั่งออกไม่ได้ จนกว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเห็นชอบ ค่อยไปดูอีกครั้งหลังกระบวนการทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย
ศ.นพ.ประสิทธิ์ ย้ำว่า ตนคิดว่าแพทยสภามีศักดิ์ศรี แพทย์ทุกคนมีศักดิ์และศรีของตนเองในการที่จะดำเนินการในสิ่งที่ถูกต้องและชอบธรรมให้กับสังคม