นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การตรวจสอบเหล็กเส้นที่เก็บตัวอย่างมาจากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม รอบแรกได้รับแจ้งผลการทดสอบเหล็กเส้น sky จากตึก สตง. เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2568 โดยสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย มีผลเป็นไปตามข่าวก่อนหน้านี้คือ มีเหล็ก 3 ชนิดที่ตกค่ามาตรฐาน มอก. ได้แก่ 1. เหล็กข้ออ้อย 12 มิลลิเมตร ตกทดสอบความสูงของบั้ง (การยึดเกาะกับปูน) 2. เหล็กข้ออ้อย 20 มิลลิเมตร ตกทดสอบค่าเหล็กเบา (มวลต่อเมตร) 3. เหล็กข้ออ้อย 32 มิลลิเมตร ตกทดสอบค่าแรงดึง (การรับแรง)
และเมื่อวันที่ 11 เมษายน ที่ผ่านมา กระทรวงฯ โดยทีมสุดซอย ได้ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และผู้แทนอิตาเลียนไทย ได้เข้าเก็บตัวอย่างเหล็กเพิ่มเติมจากบริเวณตึก สตง. ถล่ม โดยการเก็บตัวอย่างเหล็กเส้นได้เก็บจากหลายจุดหลากหลายชนิดและขนาด และต้องเลือกชุดตัวอย่างให้ครบ 5 เส้น/ชั้นคุณภาพ/ขนาด/ยี่ห้อ เพื่อให้เป็นไปตามหลักวิชาการเรื่องการชักตัวอย่างและการตัดสิน โดยได้ตัวอย่างเหล็กเส้นเพิ่มจำนวน 8 ชนิด ชนิดละ 5 ท่อน รวมทั้งสิ้น 40 ท่อน และจะทำการตรวจสอบตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ในวันที่ 21 เมษายนนี้ โดยสถาบันเหล็กฯ เพื่อให้ได้ข้อมูลในการดำเนินการเอาผิดต่อผู้กระทำผิดตามกฎหมายต่อไป ในส่วนของการตรวจสอบหากพบเจ้าหน้าที่คนใดที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ต้องได้รับโทษด้วย ไม่มีการช่วยเหลือใดๆ
และในวันที่ 21 เมษายนนี้ สถาบันเหล็กฯ จะทดสอบทุกรายการตามมาตรฐาน มอก. 24-2559 ดังนี้ 1. มวลต่อเมตร 2. ช่วงระหว่างบั้ง ส่วนสูงของบั้ง และความกว้างครีบ 3. ส่วนประกอบทางเคมี 4. ความต้านแรงดึง (Tensile) 5. ความต้านแรงดึงที่จุดคราก (Yield strength) 6. ความยืด (Elongation) และ 7. ความดัดโค้ง (Bending) 8. มุมระหว่างบั้งครีบแกนของเหล็ก 9. เครื่องหมายที่เหล็กข้ออ้อย
นายพงศ์พล ย้ำว่า ผลการตรวจสอบหากผิดก็ว่าผิด ถูกก็ว่าถูก ทุกอย่างเป็นไปตามกติกา ไม่ควรมีระบบสอบตก ขอครูสอบใหม่ ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะผ่าน อันนั้นไม่ถูกต้อง สิ่งที่สำคัญคือความปลอดภัยของประชาชน หากผู้ผลิตมีความผิด ก็ต้องรับโทษ-ยึดใบอนุญาต-ปิดโรงงาน ตามขั้นตอน เพราะสังคมคาดหวัง และเราจะไม่ให้ที่ยืนกับโรงงานไม่ปฏิบัติตามกฎหมายอีกต่อไป