ที่ห้องพิจารณาคดี 6 ศาลจังหวัดขอนแก่น นัดอ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการ และนายสุธน สอนคำแก้ว ทนายความ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย เป็นจำเลย ในฐานความผิดร่วมกันยักยอกทรัพย์ ร่วมกันปลอมเอกสาร และร่วมกันใช้เอกสารสิทธิปลอม กรณีทุจริตเงิน 1,275 ล้านบาท ของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น ระหว่างปี 2554-2563 ขณะดำรงตำแหน่งเป็นผู้จัดการสหกรณ์ฯ โดยนายเอกราช เคยเซ็นหนังสือรับสภาพหนี้ และให้การรับสารภาพมาตลอด เพิ่งขอยื่นกลับคำให้การ วันที่ 7 ตุลาคม 2567 หลังสืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว ให้เหตุผลว่า ทนายความชุดเก่าหลอกให้รับสารภาพ โดยเงินที่นำออกไป ได้ซื้อที่ดินมาจดจำนองเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันหนี้จากการซื้อลอตเตอรี่ให้สหกรณ์ฯ แต่ศาลไม่อนุญาตให้ยื่นคำให้การใหม่ เชื่อว่าเป็นการประวิงคดี
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทำผิดตามฟ้องจริง โดยปลอมเอกสารยืนยันยอดเงินฝาก เงินคงเหลือ ทั้งฉบับ และบางส่วนรวม 35 ครั้ง เพื่อให้ผู้พบเห็นชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง โดยประการที่น่าจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ธนาคาร ผู้สอบ ผู้ตรวจบัญชี และประชาชนทั่วไป รวมจำนวนเงินยักยอก 1,275 ล้านบาท ชดใช้คืนแล้วเกือบ 900 ล้านบาทคงเหลือกว่า 405 ล้านบาท โดยจำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน พิพากษาจำคุก ข้อหายักยอก 5 กระทง กระทงละ 3 ปี ข้อหาใช้เอกสารสิทธิ์ปลอม 21 กระทง กระทงละ 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกข้อหายักยอก 5 ปี 30 เดือน ข้อหาใช้เอกสารสิทธิปลอม 63 เดือน รวมจำคุก 5 ปี 93 เดือน และให้ชดใช้เงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น 405 ล้านบาท
นายเอกราช เคยทำข้อตกลงในกระบวนการพิจารณาของศาล เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 ว่า จะชำระเงินคืนทั้งเงินต้น และดอกเบี้ยร้อยละ 6.5 ต่อปี อย่างน้อยปีละ 50 ล้านบาท โดยจะชำระให้แล้วเสร็จภายใน 5 ปี แต่นายเอกราช ทำตามข้อตกลงได้เพียงปีแรกปีเดียว คือ ปี 2565 ส่วนปีต่อๆ มา ยอดเงินไม่ถึงเกณฑ์ตามข้อตกลง
ทั้งนี้ หลังฟังคำพิพากษา นายเอกราช ได้ใช้ตำแหน่ง สส. และโฉนดที่ดินราคาประเมิน 5 ล้านบาท เป็นหลักทรัพย์ยื่นขอประกันตัว ขณะที่ตัวแทนสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น ยื่นคัดค้านการให้ประกันตัว ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล