กระทรวงพาณิชย์รับทราบความคืบหน้าจากกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ว่าการเจรจา FTA ไทย-สหภาพยุโรป (EU) รอบที่ 5 เมื่อ 31 มี.ค.- 4 เม.ย.68 เป็นที่น่าพอใจ โดยสรุปเพิ่มในหลักการได้อีก 2 บท คือ บทพิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า (CTF) ซึ่งจะช่วยให้พิธีการศุลกากรมีประสิทธิภาพและทันสมัย และ บทระบบอาหารที่ยั่งยืน (SFS) เพื่อพัฒนาให้เข้มแข็งและยั่งยืน
ได้เริ่มเจรจาการเปิดตลาดการค้าสินค้าระหว่างกันแล้วในรอบนี้ มีกำหนดการแลกเปลี่ยนข้อเสนอการเปิดตลาดการค้าบริการและการลงทุนฉบับแรกช่วงต้น มิถุนายน 2568 นับเป็นก้าวสำคัญของการเจรจา และจะเร่งสรุปผลการเจรจาภายใน 25 ธันวาคม 2568 เพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย
จากสถานการณ์โลกปัจจุบัน กอปรกับนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ไทย กับ EU เห็นพ้องว่า พันธมิตรทางการค้าที่เชื่อถือได้และคาดการณ์ได้เป็นสิ่งจำเป็น การเร่งเดินหน้าเจรจา FTA ไทย-EU จึงยิ่งทวีความสำคัญ
ทั้งนี้ ในปี 2567 EU เป็นคู่ค้าอันดับ 4 ของไทย รองจาก จีน สหรัฐฯ และญี่ปุ่น มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 43,532.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยได้เปรียบดุลการค้าอยู่ราว 4.88 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ