นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส. นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก เทพไท เสนพงศ์-คุยการเมือง ระบุว่า ท้าภูมิธรรม ทำประชามติ
กรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เรียกร้องให้ผู้เห็นต่างหรือผู้คัดค้านร่างพระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ให้กลับมาสู้กันในสภาผู้แทนราษฎรนั้น ในหลักการประชาธิปไตยเป็นเรื่องที่ถูกต้อง สำหรับการแก้ปัญหาของบ้านเมืองต้องใช้เวทีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
แต่สำหรับประเทศไทยมติเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ไม่ได้หมายความว่าถูกต้องเสมอไป มีหลายครั้งที่มติในสภาผู้แทนราษฎร เป็นไปในลักษณะเสียงมากลากไป โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านจากเสียงข้างน้อยเลย จนเกิดเผด็จการสภาเหมือนที่ผ่านมา
ถ้าจำกันได้ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เคยออกพรบ.นิรโทษกรรมแบบสุดซอย โดยใช้เสียงข้างมากลากไป ลงมติตอนตี4 จึงเป็นที่มาของพรบ.นิรโทษกรรมฉบับลักหลับ จนเป็นที่มาของการชุมนุมนอกสภา ขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ออกไป
สำหรับการชุมนุมครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ถ้าหากรัฐบาลไม่ฟังเสียงคัดค้านของประชาชนและส.ส.ฝ่ายค้าน ก็อาจจะเกิดแรงต่อต้านนอกสภามากยิ่งขึ้น ซึ่งตอนนี้มีความเคลื่อนไหวของมวลชนกลุ่มต่างๆมากขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรทางศาสนา ได้ออกแถลงการณ์คัดค้านการเปิดบ่อนกาสิโนทุกศาสนาแล้ว
ถ้าหากจะเรียกร้องให้นำพรบ.สถานบันเทิงครบวงจร ไปต่อสู้กันในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพียงอย่างเดียว โดยไม่รับฟังความเห็นของประชาชนเลย แน่นอนที่สุดว่า รัฐบาลซึ่งคุมเสียงข้างมากแบบเบ็ดเสร็จ ก็จะผ่าน พรบ.สถานบันเทิงครบวงจรฉบับนี้ไปได้ ทั้งที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย
จึงอยากให้รัฐบาลได้ฟังเสียงสะท้อนของประชาชนด้วย ถ้าจะวัดกันด้วยจำนวนมือในสภาผู้แทนราษฎร ก็จะไม่เป็นธรรมกับกฎหมายฉบับนี้ ถ้าหากรัฐบาลต้องการรู้ว่าเสียงส่วนใหญ่ของคนไทยทั้งประเทศคิดอย่างไร ก็ควรทำประชามติ จะได้ข้อยุติอย่างเบ็ดเสร็จ ไม่ต้องมีการถกเถียงกันอีกต่อไป