นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "การขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัด ภายใต้ความร่วมมือระหว่างภูมิภาคและท้องถิ่น" ในโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านการบริหารราชการระหว่างภูมิภาคและท้องถิ่นเพื่อบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยมี ปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง มาร่วมรับฟังในครั้งนี้
นายอนุทิน กล่าวตอนหนึ่งว่า กระทรวงมหาดไทยต้องการให้การทำงานบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งภาคข้าราชการประจำและภาคการเมืองทุกคน ทำการบริหารจังหวัด เราต้องการให้นโยบายต่างๆ ของรัฐบาล และนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดถูกหล่อหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว เพื่อผลักดันและขับเคลื่อนให้เกิดประโยชน์กับประชาชนให้มากที่สุด หลายคนเพิ่งผ่านการเลือกตั้งนายก อบจ. ตนขอแสดงความยินดีที่วันนี้มาครบทุก 76 จังหวัด เป็นนิมิตหมายที่ดี เมื่อเช้านายกรัฐมนตรีได้ให้เกียรติพวกเราทุกคนมาทำพิธีเปิดการประชุม นี่คือภาพยืนยันว่า รัฐบาลเราขับเคลื่อนประเทศจะมีพรรคการเมืองไม่ได้ เราเป็นรัฐบาล เราเป็นคนที่ประชาชนเลือกมา ถ้าคิดว่าเป็นงานของมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไม่ได้อยู่พรรคเดียวกับนายกรัฐมนตรี หากคิดแบบนี้ผิดตั้งแต่แรก เป็นรัฐบาลจะแบ่งพรรคแบ่งพวกไม่ได้ ทำงานต้องมีสปิริต ตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ถ้าคิดในแง่การเมืองนิดเดียว ตนต้องไม่ใช่นายกรัฐมนตรี นี่คือโอกาสที่นายกรัฐมนตรีจะได้เจอได้เห็นหน้ากับผู้บริหารฝ่ายปกครองท้องถิ่นและผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ
นายอนุทิน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายก อบจ. ที่เป็นมือไม้สำคัญในการช่วยนำนโยบายของรัฐบาลไปบริหาร ผ่านการบริหารระบบราชการ เรื่องของบ้านเมืองและประชาชนไม่มีพรรคการเมือง มีแต่รัฐบาลเดียวกันที่จะคอยสนับสนุนและให้ความร่วมมือ
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ตนอยู่กระทรวงมหาดไทยโชคดีที่มีพื้นฐานทางการเมืองระดับหนึ่ง ทำให้คุ้นเคยกับพรรคการเมือง และสมัยรัฐบาลที่แล้วตนอยู่กระทรวงสาธารณสุข เปรียบเหมือนมหาดไทยทางการแพทย์ที่ดูแลทุกจังหวัด มีโอกาสสัมผัสกับผู้ว่าราชการจังหวัด นายก อบจ. ถึงแม้ว่าบางคนเป็นมือใหม่ป้ายแดงแต่ก็พวกกัน 76 จังหวัดถือว่าเป็นพวกเดียวกันหมด เราเป็นมืออาชีพเพียงพอ บางจังหวัดเป็นสายงานของอีกกลุ่มหนึ่งพรรคการเมืองหนึ่ง แต่วันนี้การทำงานไม่มีเรื่องของแบ่งแยก การให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายก อบจ. อยู่ร่วมกัน ความล้มเหลวเกิดขึ้นไม่ได้จะต้องมีความสำเร็จและประสิทธิภาพ เป้าหมายเราทุกคนคือประชาชนต้องได้รับประโยชน์สูงสุด ต้องอยู่ดีกินดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ต้องมีเงิน มีอาชีพ มีโอกาส นี่คือเจตนารมย์ของคำว่า บำบัดทุกข์บำรุงสุข เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข นี่คือเป้าหมายของพวกเราทุกคน อีกไม่กี่เดือนก็ครบสองปีที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย เป็นรัฐมนตรีเดินทางต่างประเทศไม่ได้ก็เดินทางในประเทศให้เยอะที่สุด ไม่ต้องอยู่บ้านเฉยๆ ทำให้คุ้นเคยและรู้จักนายก อบจ. แต่ละคนมากขึ้น
นายอนุทิน กล่าวว่า การมาที่จังหวัดบุรีรัมย์ ต้องการให้เกิดแรงบันดาลใจให้กับนายก อบจ.ทั้งหลายที่ต้องการพัฒนาให้พื้นที่ ทุกอย่างต้องเกิดจากประสบการณ์ ความกล้า ความท้าทาย และการติดตามอย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาเมืองก็จะเกิดขึ้นได้ อีกทั้งต้องพัฒนาให้ทุกจังหวัดเป็นเมืองน่าเที่ยว ไม่ใช่เมืองหลักเมืองรองอีกต่อไป ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายก อบจ. จะต้องช่วยกันหาเอกลักษณ์ให้จังหวัด ให้เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามา
นายอนุทิน กล่าวถึงนโยบายของกระทรวงมหาดไทยในยุคตนเอง ว่า 1. การปราบปรามผู้มีอิทธิพล รวมทั้งหนี้นอกระบบให้ใช้กลไกของรัฐเข้าไปช่วยเหลือ "ผู้ว่าฯและนายก อบจ. คือผู้มีอิทธิพลตัวจริงแต่เป็นผู้มีอิทธิพลที่สร้างความดีให้กับประชาชน ท่านจับมือกันเมื่อไหร่โจรหมดเมือง ไม่มีใครสามารถทานพลังของผู้ว่าราชการจังหวัดได้ และผนวกกับความร่วมมือของนายก อบจ." ถ้าตนเป็นผู้ว่าฯ จะความคิดของคนเหล่านั้นให้นำอิทธิพลมาใช้ประโยชน์
2. ยาเสพติด เราเป็นศัตรูกับผู้มีอิทธิพล ต่อต้าน ทำลาย ปราบปรามอย่างมีประสิทธิภาพที่ติดต้องพึ่งองค์กรปกครองท้องถิ่นที่รู้ความเคลื่อนไหวในชุมชน สิ่งที่ตนเชื่อคือ ทำพร้อมกัน ทำอย่างต่อเนื่อง ปัญหาปราบปรามยาเสพติดจะได้รับการจัดการเช่นเดียวกับปัญหาของผู้มีอิทธิพล
3. สร้างอาชีพ เปิดโอกาสให้คนมีรายได้ ช่วยผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ของประชาชนมีประสิทธิภาพและราคาดี ดังนั้นทุกจังหวัดจะต้องมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดดูแลเรื่องเศรษฐกิจ ในการประสานงานกับประชาชน เพื่อให้เกิดความเติบโตทางเศรษฐกิจ
4. ส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนและสร้างความเข้มแข็ง ของเศรษฐกิจฐานราก ทุกจังหวัดต้องมีแรงดึงดูดให้คนมาท่องเที่ยว และผู้ว่าฯ ทุกคนได้รับการจัดสรรงบประมาณในการดูแลจังหวัด
นายอนุทิน ย้ำว่า ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของทุกคน ไม่ใช่เฉพาะนายก อบจ. หรือจังหวัดที่มี สส.พรรคภูมิใจไทย ไม่ต้องกังวลผมแยกเป็น และผมชอบการแข่งขัน
นอกจากนี้ ในช่วงหนึ่ง นายอนุทิน ได้เปรียบการทำงานเหมือนการตีกอล์ฟ เมื่อมีการแข่งขันเลือกตั้งทั่วไป ท่านอยู่พรรคไหน เราอยู่พรรคไหนก็แข่งขันกัน เหมือนตีกอล์ฟ ตนคิดอย่างนี้จริงๆ เวลาลูกพรรคภูมิใจไทยแพ้เลือกตั้ง ตนไม่เคยว่าเขาเลย ใครแพ้มา ตนบอกโอ้ยคุณนี้สมควรแพ้ ไม่มี ไม่เคยซ้ำเติมเขา ถ้าเขาแพ้บอกว่าเขาทำงานไม่พอ เที่ยวหน้าต้องเอาให้หนักกว่านี้ ไม่มีซ้ำ เพราะซ้ำเท่ากับว่าตัวเองแต่ถามว่าทำดีที่สุดแล้วหรือยัง เหมือนตีกอล์ฟซัดเข้าไปเต็มๆ ไม่เคยออมมือ ที่แพ้เพราะหลุมนั้นตีไม่ดีสู้เขาไม่ได้ ตนมีความคิดแบบนี้จริงๆ จึงอยากให้ท่านทั้งหลาย อย่าปล่อยโอกาส พวกเราทุกคนล้วนแล้วแต่มีความสัมพันธ์และความผูกพัน มีความรักรอยยิ้มให้กันกระทรวงมหาดไทย
นายอนุทิน ยังระบุอีกว่า วันที่อนุทิน เป็นรัฐมนตรี จะกี่เดือน กี่ปีก็แล้วแต่ ไม่สำคัญ มันสำคัญที่ มท.1 เรียกปลัดว่าพี่ เรียกอธิบดีว่าพี่ เรียกผู้ว่าฯ และนายก อบจ. ว่าพี่ และท่านเหล่านั้นก็เรียกตนว่าพี่เหมือนกัน หลัก วปอ. เรียกกันว่าพี่ทั้งหมด ทั้งรัก ทั้งผูกพัน ทั้งเกรงใจ สิ่งเหล่านี้เมดอินไทยแลนด์หมด ฝรั่งไม่มี คนจีนก็ไม่มี มีแต่ประเทศไทย มีกุศโลบายที่ดีมาก เมื่อเรียกว่าพี่กัน บางทีอัดกันแรงๆ ก็ลดลงมาหน่อย แต่พอคุยไปคุยมาแล้วมันเกิดความผูกพันก็จะเกิดขึ้น แล้วความร่วมมือจะไม่เกิดขึ้นได้อย่างไร
นายอนุทิน ยืนยันด้วยว่า ไม่มีวันที่จะใช้อำนาจที่มีอยู่ ไปทำให้คนที่เรารู้สึกชอบ ไม่ชอบ ได้ดีได้เสีย ผมเป็นคนที่เคารพในแนวทางที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นขอให้มั่นใจว่า ทุกคนที่ทำงานเป็นคนที่ฝีมือมีน้ำใจมีความเข้าใจประชาชนแบบทุ่มเททุกคน ถือว่าเราจะต้องทำงานด้วยกันได้อย่างมีคุณภาพ และย้ำว่าจะอนุมัติอนุมัติอนุมัติไม่ใช่อนุมัติให้ท่านแต่อนุมัติให้กับประชาชน ถ้า ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยก็เป็นประชาชนของผมเหมือนกัน เพราะถ้าผมบอกว่าไม่อนุมัติ ประชาชนจะยอมหรือ เป็นไปไม่ได้ดังนั้น จึงขอให้มั่นใจ งบประมาณมหาดไทย 4 แสนกว่าล้าน วันหนึ่งผมก็เคยมีเงินอยู่แสนกว่าบาทก็เคยหมุนเงินได้ วันนี้กระทรวงมหาดไทยก็มีคนหมุนเงินเก่งไว้คนนึงเช่นกัน ทำได้หมด ขอให้มั่นใจ แล้วเรามาหาวิธีในการทำงานร่วมกัน