นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส. นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก เทพไท เสนพงศ์-คุยการเมือง ระบุว่า เปิดสภา ตาม ม.165 ระดมความคิดเรื่องแผ่นดินไหว ดีกว่าเร่ง พรบ.กาสิโน
เมื่อน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีความคืบหน้าร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ส่งไปสภาหรือยัง ว่า ต้องมีการคุยกันก่อนนั้น แสดงว่ายังไม่ได้คุยกัน แต่ทำไมวิปพรรคร่วมรัฐบาลสั่งเดินหน้า เลื่อนวาระการประชุมให้ทันวันที่ 9 เมษายน ก่อนปิดสมัยประชุมให้ได้ จึงเห็นได้ชัดว่าทั้ง2ส่วนนี้ มีข้อมูลที่ไม่ตรงกัน
การที่นางสาวแพทองธารบอกว่า ต้องคุยกันก่อน คงเป็นเพียงการตอบคำถามสื่อมวลชนตามมารยาท เพราะในทางปฏิบัติวิปรัฐบาลสั่งเดินหน้าไปแล้ว โดยใช้โอกาสในช่วงที่สังคมกำลังวุ่นๆ เรื่องภัยพิบัติแผ่นดินไหวอยู่ ผู้คนไม่ได้สนใจเรื่องอื่นใด นอกจากการกู้ภัยตึกสตง.ถล่ม และยังตื่นตระหนกอยู่กับอาฟเตอร์ช็อกแผ่นดินไหว และล่าสุดนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็ได้บรรจุพรบ. สถานบันเทิงครบวงจร เป็นวาระพิเศษ ในการประชุมวันที่ 3 เมษายนตามที่คณะรัฐมนตรีเสนอแล้ว
รัฐบาลจึงใช้โอกาสตอนนี้ลักไก่ รวบหัวรวบหางนำพรบ.กาสิโนเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรเลย จึงทำให้แปลกใจว่า ทำไมรัฐบาลจึงรีบร้อนผลักดันพรบ.สถานบันเทิงครบวงจรเข้าสู่ที่ประชุมสภาโดยเร็ว ทั้งที่กระบวนการทั้งหมดยังไม่ครบถ้วน ยังไม่รับฟังความเห็นของประชาชนเลย แต่วัตถุประสงค์ต้องการที่จะให้ที่ประชุมสภาฯมีมติรับหลักการ และตั้งกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อดำเนินการให้เสร็จสิ้นในวาระ1ก่อน ระหว่างที่ปิดสมัยประชุมของสภาฯ เป็นการส่อเจตนาว่ารัฐบาลต้องการให้มีการตั้งบ่อนกาสิโนขึ้นให้เร็วที่สุด ไม่สนใจกระแสคัดค้านใดๆทั้งสิ้น มิหนำซ้ำยังออกมาท้าทายสังคมอีกว่า ถ้ากลัวม็อบก็จะนำเรื่องบ่อนกาสิโนเข้าสภาทำไม
ในช่วงที่สถานการณ์บ้านเมืองกำลังเจอวิกฤตแผ่นดินไหวเช่นนี้ รัฐบาลน่าจะระดมความคิดจากทุกภาคส่วน โดยเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อรับฟังความเห็นของสมาชิกรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 165 หรือจะให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน1ใน10ใช้สิทธิ์ตามมาตรา 152 หรือให้สมาชิกวุฒิสภา จำวน1ใน3 ใช้สิทธิ์ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 มากกว่ามาเร่งผลักดันให้สภาพิจารณาพรบ.สถานบันเทิงครบวงจร หรือที่เรียกกันว่ากฎหมายเปิดบ่อนคาสิโน
จะต้องรอดูว่าเรื่องนี้จะกระตุ้นต่อมคุณธรรมของคนไทย จุดม็อบติดหรือไม่ เพื่อต่อต้านรัฐบาลที่ส่งเสริมอบายมุขมอมเมาประชาชน หวังผลทางการเงินมากกว่าปัญหาทางสังคม