นายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมพิเศษ มูลนิธิร่วมกตัญญู หนึ่งในผู้ร่วมปฏิบัติภารกิจกู้ภัยเหตุโครงสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินทรุดตัวถล่ม ย่านจตุจักร เปิดเผยว่า ในส่วนของการปฏิบัติการตั้งแต่ช่วงเช้า หากไม่พบร่างหรือไม่มีสัญญาณบ่งบอกว่ามีมนุษย์อยู่ ณ จุดนั้น เจ้าหน้าที่จะใช้เครื่องมือหนักในการตัดเหล็ก ยกซากโครงสร้างอาคารออกทีละชิ้น แต่หากพบร่างก็จะให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการนำร่างออกมาก่อนแล้วจะให้ญาติเป็นผู้ยืนยันตัวตน แต่หากไม่มีผู้ยืนยันตัวตนหรือไม่สามารถยืนยันตัวตนได้จะส่งต่อให้เจ้าหน้าที่นิติเวชนำไปพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลในภายหลัง จากนั้นจึงจะปฏิบัติการต่อ จากการปฏิบัติการตลอด 4 วันที่ผ่านมาพบว่า จุดที่สแกนพบร่างผู้ติดค้าง อยู่ระหว่างชั้นที่ 17 ถึงชั้นที่ 21 กว่า 70 ราย หรือคิดเป็นเกือบทั้งหมดของผู้ที่ยังสูญหาย ขณะที่ในบริเวณรอบข้างอาคารที่ถล่มไม่พบร่างผู้ติดค้างแล้ว
ในส่วนที่เป็นปัญหาอุปสรรคของการดำเนินการ คือการที่โครงการดังกล่าวเป็นโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่กว่า 30 ชั้น ในการที่จะเจาะผนังแต่ละชั้นที่มีความหนาประมาณกว่า 1 เมตร จึงเป็นเรื่องที่ยาก อีกทั้งในช่วงแรกของการดำเนินการเจ้าหน้าที่ไม่มีแบบแปลนอาคารทั้งหมด จึงต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง
ในตอนนี้จะเป็นขั้นตอนของการค่อยๆ ยกเศษซากปรักหักพังออกทีละชั้นจากด้านบน เพื่อให้ง่ายต่อการช่วยเหลือและการดำเนินการ ซึ่งจะต้องมุ่งเน้นในด้านของความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่โรยตัวจากด้านบนด้วย และในส่วนของการทำงานร่วมกับทีมช่วยเหลือที่มาจากต่างประเทศ สามารถประสานงานกันได้ดีไม่มีปัญหา เนื่องจากทีมกู้ภัยของไทยเคยผ่านประสบการณ์ทั้งการฝึกและการกู้ภัยในต่างชาติมาแล้วเช่นกัน
ทั้งนี้ นายบิณฑ์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ขณะนี้พบร่างที่ 14 แล้ว ซึ่งต้องรอการยืนยันจากเจ้าหน้าที่อีกครั้ง