นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานตรวจสอบโครงการโครงสร้างพื้นฐานโดยละเอียด ทั้งโรงไฟฟ้า เขื่อนผลิตไฟฟ้า โครงสร้างท่อส่งก๊าซธรรมชาติ น้ำมัน การขนส่งน้ำมัน ซึ่งในภาพรวมได้รับผลกระทบเล็กน้อย ไม่ส่งผลการให้บริการประชาชน พร้อมสั่งการให้เตรียมวางแนวทางป้องกันที่เข้มข้นมากขึ้นเพื่อรองรับหากเกิดเหตุขึ้นอีกในอนาคต
ทั้งนี้ โฆษกกระทรวงพลังงาน ได้รายงานความคืบหน้าการตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน จากผลกระทบแผ่นดินไหวว่า มีบางโรงไฟฟ้ามีการหลุดออกจากระบบหลังจากเหตุแผ่นดินไหวซึ่งเป็นระบบป้องกันภัยอัตโนมัติ แต่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ก็ได้บริหารจัดการจึงทำให้ประชาชนในบางพื้นที่ได้รับผลกระทบในระยะเวลาอันสั้น ส่วนในด้านความมั่นคงปลอดภัยของเขื่อนนั้น กฟผ. ได้ตรวจสอบด้วยเครื่องวัดอัตราเร่งของพื้นดิน ไม่พบความผิดปกติใดๆ มั่นใจได้ว่าโครงสร้างระบบไฟฟ้าและเขื่อนมีความมั่นคงปลอดภัย
ด้านโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันและการส่งก๊าซธรรมชาติผ่านท่อนั้น ในส่วนของระบบการรับส่งก๊าซธรรมชาติและโรงแยกก๊าซธรรมชาติ พบว่ายังคงเป็นปกติและสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่กระทบต่อการส่งก๊าซธรรมชาติให้แก่โรงไฟฟ้าและผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติ ส่วนคลังน้ำมันและคลังปิโตรเลียมจำนวน 22 แห่งทั่วประเทศของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ไม่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวแต่อย่างใด
นอกจากนี้ กฟผ. และ ปตท. ได้ส่งมอบอาหารและน้ำดื่ม รวมทั้งได้ส่งหน่วย PTT Seal เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัยในการค้นหาผู้ติดอยู่ภายใต้ซากอาคารย่านจตุจักร ในวันนี้ (31 มี.ค.) เวลา 10.00 น. นายพีระพันธุ์ ยังได้มอบหมายให้ นางสาวอรพินทร์ เพชรทัต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยนายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ลงพื้นที่ตรวจสอบผลกระทบของสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง จากกรณีเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น จำนวน 2 แห่ง ที่ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ใกล้เคียงอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ ในเขตจตุจักร ประกอบด้วย สถานีบริการน้ำมันบางจาก และสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ (NGV) ถนนกำแพงเพชร 2 และ สถานีบริการก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ถนนกำแพงเพชร 2 (ด้านหลังนิคมการรถไฟ กม.11)
นางสาวอรพินทร์ เปิดเผยว่า จากผลการตรวจสอบ ทั้ง 2 สถานี ไม่ได้รับความเสียหายและสามารถเปิดให้บริการเป็นปกติ
นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้สั่งการให้กรมธุรกิจพลังงาน ประสานกับพลังงานจังหวัดทั่วประเทศให้มีการกำหนดมาตรการสุ่มตรวจสอบสถานีบริการตามมาตรฐานสากลของสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วประเทศ เพื่อสร้างความปลอดภัยและความพร้อมในการให้บริการน้ำมันเชื้อเพลิงแก่ประชาชนผู้เข้ามารับบริการ