xs
xsm
sm
md
lg

จำคุก 4 ด."สิระ เจนจาคะ"กระทำผิด รธน.สมัคร สส.ทั้งที่ไม่มีสิทธิ์ พร้อมตัดสิทธิ์เลือกตั้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

วันนี้ (31 มี.ค.) ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ห้องพิจารณาคดี 903 นัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.3200/2566 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสิระ เจนจาคะ อดีต สส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นจำเลยฐานกระทำผิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560, พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 มาตรา 4,42(12),151และขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจำเลย 20 ปี

อัยการโจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2562 จำเลยได้บังอาจลงลายมือชื่อสมัครรับเลือกตั้ง สส.เขต 9 กทม.โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิรับเลือกตั้งเป็น สส. อันเป็นลักษณะต้องห้าม เนื่องจากจำเลยเคยต้องโทษคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลแขวงปทุมวัน ให้จำคุก 4 เดือนฐานฉ้อโกง อันเป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ตามคดีอาญาหมายเลขดำอ. 812/2538 ลงวันที่ 21 พ.ย.2538

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศให้ผู้สนใจลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างวันที่ 4 - 8 กุมภาพันธ์ 2562 ที่อาคารกีฬาเวศน์ 2 จำเลยได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 9 พรรคพลังประชารัฐ ต่อมาจำเลยได้รับเลือกตั้ง ต่อมาวันที่ 17 ธันวาคม 2563 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกสภาพของจำเลยนั้น สิ้นสุดลงหรือไม่ เนื่องจากปรากฏว่าจำเลยมีคุณสมบัติขาดคุณสมบัติรองรับสมัครการเลือกตั้ง เนื่องจากต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลแขวงปทุมวันในคดีทุจริตเกี่ยวกับทรัพย์เป็นเวลา 4 เดือน ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าสมาชิกสภาพของจำเลยได้สิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2562 การกระทำของจำเลยเป็นการเป็นการฝ่าฝืนการเลือกตั้ง โดยคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ทำการไต่สวนโดยให้เพิกถอนจำเลย และดำเนินคดีอาญากับจำเลย เนื่องจากเป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติลงรับสมัครการเลือกตั้ง

เห็นว่าคำเบิกความของพยานโจทก์พบว่าจำเลย เคยต้องโทษคำพิพากษาถึงที่สุด ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลย ต่อศาลแขวงปทุมวัน ซึ่งมีพ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย เป็นผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนสน.ปทุมวัน ในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์จำนวน 200,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 เป็นความผิด 2 กระทง จำคุกกระทงละ 4 เดือน รวม 8 เดือน แต่คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก นายสิระ จำเลย 4 เดือน ขณะเดียวกันศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยว่าจำเลยต้องโทษคำพิพากษาคดีถึงที่สุดของศาลแขวงปทุมวัน จำเลยจึงเป็นบุคคลต้องห้ามไม่มีสิทธิ์ลงสมัครเลือกตั้ง สส.