นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.และโฆษกพรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า“[ 9 ข้อสังเกต : รัฐบาลแพทองธารกำลังเอาอะไรไป “แลก” กับการ "เร่งรัด" เรื่องกฎหมายกาสิโน ]
นับไม่ถึง 3 วัน หลังจากที่ผมได้อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี โดยชี้ให้เห็นถึงความ “เร่งรีบ” และความมุ่งมั่นตั้งใจเป็นพิเศษของนายกฯในการผลักดันนโยบายกาสิโน ทาง ครม.วันนี้ก็ได้มีมติอนุมัติ ร่าง พ.ร.บ. สถานบันเทิงครบวงจร (กาสิโน) ทันควัน โดยแย้มว่าจะพยายามเร่งรัดให้ร่างดังกล่าวได้รับการพิจารณาในวาระที่ 1 ของสภาผู้แทนราษฎร ทันภายในสมัยประชุมนี้ (ซึ่งกำลังจะสิ้นสุดวันที่ 10 เม.ย.) แม้จะต้องเลื่อนมาแซงหน้ากฎหมายอื่นที่รอคิวอยู่
ผมอยากชวนให้ทุกคนตั้งข้อสังเกตว่า ทั้งที่นโยบายนี้ไม่ได้เป็นนโยบายที่รัฐบาลหาเสียงไว้ช่วงการเลือกตั้ง แต่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลชุดนี้ กลับดูมีความพร้อมที่จะเหยียบคันเร่งและเดินลุยไฟเต็มที่ แม้ต้องแลกกับหลายอย่างที่เสี่ยงจะสร้างผลเสียต่อประเทศและประชาชน
1. เร่งรัด แม้จะต้องเลี่ยงบาลี และไม่สื่อสารตรงไปตรงมากับประชาชนตั้งแต่ต้น
- นายกรัฐมนตรีชอบพูดเสมอ (และพูดอีกรอบหลังประชุม ครม. วันนี้) ว่านโยบายนี้ของรัฐบาลเน้นไปที่ “สถานบันเทิงครบวงจร” (ไม่ใช่กาสิโน) และกาสิโนจะเป็นเพียงแค่ไม่เกิน 10% ของพื้นที่ในสถานบันเทิงครบวงจร
- แต่ร่างกฎหมายที่ ครม.อนุมัติวันนี้ (ร่างมาตรา 50) เขียนชัดว่ากาสิโนเป็น “หัวใจหลัก” ของสถานบันเทิงครบวงจร เพราะ “สถานบันเทิงครบวงจร” จะมีบริการต่างๆอะไรก็ได้อย่างน้อย 4 ประเภท (เช่น ห้าง / โรงแรม / สวนสนุก) แต่จะ “ขาด” หรือไม่มีกาสิโน *ไม่ได้* / ยังไม่นับว่าสถานบันเทิงครบวงจรในประเทศอื่นหลายแห่งที่มีพื้นที่กาสิโนไม่เกิน 10% ก็มีรายได้จากาสิโนคิดเป็นเกิน 80% ของรายได้ทั้งหมด จนเรียกได้ว่าเป็น “ธุรกิจหลัก” ในสถานบันเทิงครบวงจรดังกล่าว
2. เร่งรัด แม้จะกลับไปกลับมาเรื่องหลักการและวัตถุประสงค์ โดยไม่มีรายงานการศึกษาที่ละเอียดและน่าเชื่อถือเพียงพอมารองรับ
- รัฐบาลกลับไปกลับมา ว่าจะเน้นผู้เล่นจากไหน: วันหนึ่งอ้างอิงรายงานต่าง ๆ (เช่น ของ กมธ วิสามัญฯ ที่ รมช.เป็นประธาน) ที่บอกว่ารายได้ส่วนใหญ่ของกาสิโน (70-80%) จะมาจากผู้เล่นคนไทย / วันนี้พูดว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเน้นดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก
- รัฐบาลกลับไปกลับมา ว่าตั้งใจจะใช้กาสิโนเพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายหรือไม่: วันหนึ่งบอกว่าจะเอากาสิโนมาแก้ปัญหาการพนัน โดยพยายามดึงคนไทยที่เล่นพนันผิดกฎหมายมาเล่นที่กาสิโนแทน / อีกวันกลับยอมเติมเงื่อนไขจากกฤษฎีกาที่ทำให้คนไทยเข้าเล่นกาสิโนไม่ได้ ยกเว้นเฉพาะเศรษฐีไม่กี่คนที่มีเงินฝากในบัญชีเกิน 50 ล้านบาท ต่อเนื่อง 6 เดือน
3. เร่งรัด แม้ประโยชน์เรื่องการท่องเที่ยวยังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะการประเมินความเสี่ยงเรื่องปฏิกิริยาของรัฐบาลจีนและผลกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวจีน
- ที่ผ่านมาเราเห็นถึงความพยายามของรัฐบาลจีนในการลดจำนวนนักท่องเที่ยวจีน ที่เดินทางไปเล่นกาสิโนที่ประเทศอื่น (เช่น นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปฟิลิปปินส์ลดลงอย่างมากเทียบกับก่อนโควิด / คนจีนในสิงคโปร์ก็เพิ่งถูกรัฐบาลจีน “เตือน” ว่าการเล่นพนันที่กาสิโนในสิงคโปร์ก็เสี่ยงจะผิดกฎหมายจีน)
- นายกฯ เองก็ถูกประธานาธิบดีของจีนถามย้ำหลายรอบเรื่องกาสิโน ตอนเจอกันเมื่อ ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งควรจะทำให้เราต้องประเมินและชั่งน้ำหนักกันดีๆ ว่า หากจีนมีแนวโน้มจะปรับนโยบายของเขาเพื่อคุมเข้มคนจีนให้เดินทางมาเที่ยวที่ไทยได้ยากขึ้นในวันที่ประเทศไทยมีกาสิโน รายได้การท่องเที่ยวที่เราจะได้เพิ่มขึ้นจากกาสิโนจะมากกว่าหรือน้อยกว่ารายได้ที่เราอาจจะเสียไปจากนักท่องเที่ยวจีน (ซึ่งปัจจุบันคิดเป็นถึง 20% ของรายได้การท่องเที่ยวไทย) และเราจะรับมือหรือลดความเสี่ยงดังกล่าวอย่างไร?
- แน่นอนว่าเราต้องไม่ดำเนินนโยบายโดยไหลตามความต้องการประเทศอื่น แต่หากเราทำการต่างประเทศโดยเอาประโยชน์ของคนไทยและประเทศไทยเป็นตัวตั้ง ผมคงจำเป็นต้องตั้งคำถามจริงๆ ถึงวิจารณญาณของนายกฯ ที่พร้อมจะ “ยืนหยัดต่อจีน” เรื่องกาสิโน ทั้งที่มีความเสี่ยงจะสูญเสียรายได้จากนักท่องเที่ยวจีน แต่กลับพร้อมเป็น “เด็กดีที่เชื่อฟังจีน” ในเรื่องอื่น (เช่น กรณีอุยกูร์) ทั้งที่คนไทยเสี่ยงจะถูกกระทบเรื่องการค้าขายกับสหภาพยุโรปและสหรัฐ
4. เร่งรัด แม้จะต้อง “ตีเช็คเปล่า” ในเรื่องสำคัญทั้งหมด ให้ไปเป็นการตัดสินใจในภายภาคหน้าของคณะกรรมการนโยบายของฝ่ายบริหาร โดยขาดหลักประกันในกฎหมายหรือการตรวจสอบของสภาฯ
- ร่างกฎหมายนี้ มีการเสนอให้ตั้งคณะกรรมการนโยบาย หรือ Super Board ที่อยู่ภายใต้การดูแล หรือการแต่งตั้งโดยนายกฯเกือบทั้งหมด โดยกำหนดให้เรื่องสำคัญส่วนใหญ่ตกไปเป็นอำนาจของคณะกรรมการในการตัดสินใจหรือเสนอแนะ ครม. (เช่น จำนวนกาสิโน / จังหวัดที่ตั้งกาสิโน / มาตรการป้องกันและเยียวยาผลกระทบ / ประเภทการพนันในกาสิโน / มาตรการป้องกันการฟอกเงิน / สัดส่วนการจ้างงานคนไทย / หลักเกณฑ์เรื่องการขอใบอนุญาต)
- บางเรื่องที่น่าจะกำหนดได้ในตัวบทกฎหมาย เพื่อเป็นหลักประกันให้กับสังคม และเพื่อให้สภาฯมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ (เช่น เพดานเรื่องจำนวนกาสิโนที่จะอนุมัติในชุดแรก เพื่อทดลองนำร่องก่อน / มาตรการป้องกันหรือแจ้งเตือนตนเองหรือคนในครอบครัวจากการเล่นพนันเกินตัว / สัดส่วนขั้นต่ำในการจ้างงานคนไทย) กลับไม่มี
5. เร่งรัด แม้จะต้องทำให้การมีส่วนร่วมของประชาชนและการทำประชาพิจารณ์ในพื้นที่ แคบลง
- ในมุมหนึ่ง เราเห็นแล้วถึงท่าทีของรัฐบาลในการปัดตกข้อเสนอที่จะให้ประชาชนตัดสินใจเอง ผ่านการทำประชามติ ทั้งๆ ที่ พ.ร.บ. ประชามติ ฉบับใหม่ที่จะคลอดได้ปีนี้ เพิ่มความยืดหยุ่นในการทำประชามติในบางพื้นที่ (โดยไม่จำเป็นต้องทำทั้งประเทศ) และในวิธีการออกเสียง (เช่น ออนไลน์ ไปรษณีย์)
- ในอีกมุมหนึ่ง แม้จะไม่พิจารณาถึงขั้นการทำประชามติ แต่กระบวนการในการทำประชาพิจารณ์ หรือ “รับฟังความเห็น” ประชาชนก่อนตั้งกาสิโน ก็ถูกกำหนดให้แคบลง - ในขณะที่ร่างกฎหมายของ กมธ วิสามัญฯ เมื่อปีที่แล้วระบุว่าต้องรับฟังความเห็นทั้ง “ประชาชนในท้องที่” และ “ประชาชนในท้องที่ใกล้เคียง” รวมถึงกำหนดว่าจะต้องรับฟังผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย แต่ร่างของ ครม. กลับเขียนแค่ให้รับฟังความเห็น “ประชาชนในพื้นที่”
6. เร่งรัด แม้จะถูกตั้งข้อสังเกตว่าไปทำ “ดีล” กับพรรคร่วมรัฐบาลมาหรือไม่ เพื่อแลกเรื่องพนันออนไลน์?
- ข้อสงสัยนี้เกิดขึ้นเพราะแม้พรรคภูมิใจไทยเคยตั้งโต๊ะแถลง (13 ส.ค. 2567) ว่า “ไม่เห็นด้วย” กับ ร่างกฎหมายกาสิโน ใน 4 ประเด็น (การแก้ปัญหาการพนัน / ผลประโยชน์รัฐ / การกระตุ้นการท่องเที่ยว / การจ้างแรงงานไทย) แต่พอผ่านไปไม่กี่เดือน ท่าทีของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยก็เปลี่ยนไป (เช่น การร่วมกับ ครม. อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ ตอน 13 ม.ค. 68) ทั้งๆ ที่ร่างกฎหมายในวันนี้ ไม่ได้แตะหรือแก้ไขใน 4 ประเด็นที่พรรคภูมิใจไทยเคยคัดค้านเลย
- สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปคือ การโผล่ขึ้นมาของร่างแก้ไข พ.ร.บ.พนัน ที่ไปเพิ่มดุลพนิจอย่างมหาศาลในการออกใบอนุญาตการพนันออนไลน์อย่างถูกกฎหมายให้กระทรวงมหาดไทย (ภายใต้การนำของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย) จนทำให้สังคมตั้งคำถามว่า ตรงนี้เป็นการแลกกันภายในพรรคซีกรัฐบาลหรือไม่ ระหว่าง “การพนันในกาสิโน” กับ “การพนันออนไลน์”
7. เร่งรัด แม้ไม่มีการเสนอแนวทางการแก้ปัญหาการพนันคู่ขนาน
- หากรัฐบาลจะอ้างว่าแนวทางการแก้ปัญหาการพนันเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือจากร่าง พ.ร.บ. สถานบันเทิงครบวงจร (กาสิโน) คำถามที่ตามมาคือ แล้วเหตุใดรัฐบาล ไม่เสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.การพนัน ที่เป็นการปรับปรุงกลไกดังกล่าวมาควบคู่กัน แทนที่จะเสนอร่าง พ.ร.บ. กาสิโนมาอย่างโดดๆ
- หากจะอ้างถึงร่างแก้ไข พ.ร.บ.การพนัน ฉบับที่มีการเปิดรับฟังความเห็นไปเรื่องพนันออนไลน์ ร่างดังกล่าวก็ยังขาดมาตรการสำคัญในการแก้ปัญหาการพนันออนไลน์ (เช่น การป้องกันการเข้าถึง การติดตามข้อมูลการเล่นของผู้เล่น การทบทวนองค์ประกอบของคณะกรรมการ) ที่ผู้เชี่ยวชาญเห็นตรงกันว่าจำเป็นต้องมี หากต้องการจะแก้ปัญหาพนันออนไลน์ได้จริง
8. เร่งรัด แม้ไม่มีการเสนอแนวทางการแก้ปัญหาอื่นๆ ที่อาจถูกซ้ำเติมโดยกาสิโน (เช่น คอร์รัปชัน)
- ปฏิเสธไม่ได้ว่าการมีกาสิโนย่อมมาพร้อมกับข้อกังวลหรือความเสี่ยงเรื่องปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันและปัญหาการฟอกเงิน ซึ่งควรจะต้องถูกแก้ไขอย่างจริงจังควบคู่กัน
- แม้รัฐบาลชอบอ้างอิงถึงกาสิโนในสิงคโปร์ แต่สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลมักไม่พูดคือสถานการณ์เรื่องการทุจริตของสิงคโปร์กับไทยเราต่างกันมาก - ในขณะที่สิงคโปร์มีคะแนนความโปร่งใส (Corruption Perceptions Index 2024) สูงถึง 84/100 คิดเป็นอันดับ 3 ของโลก ประเทศไทยกลับมีคะแนนอยู่ที่ 34/100 (ต่ำสุดในรอบ 12 ปี) คิดเป็นอันดับ 107 ของโลก
- สิ่งที่น่ากังวลตอนนี้ คือการที่รัฐบาลตัดสินใจเดินหน้าเรื่องกาสิโนอย่างเร็ว แต่กลับยังไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องการแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันเท่าที่ควร (เช่น ครม. ยังไม่ดำเนินการแก้ไข พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสาร เพื่อให้ข้อมูลรัฐถูก “เปิดเผยเป็นหลัก ปกปิดเป็นข้อยกเว้น” จนทำให้ประชาชน หรือ สส. ทุกวันนี้ก็ยังเข้าไม่ถึงแม้กระทั่งข้อมูลขึ้นพื้นฐาน (เช่น จำนวนนายพลในกองทัพ รายละเอียดการจัดซื้อจัดจ้าง Web App ประกันสังคม))
9. เร่งรัด แม้จะต้องลัดคิวกฎหมายอื่นๆ (เช่น โรงงาน / การแข่งขันทางการค้า / การยกเลิกเกณฑ์ทหาร)
- หากเรามองเวลาการประชุมสภาฯ เป็น “ทรัพยากร” ที่สำคัญในการพิจารณาการแก้ไขกฎหมาย รัฐบาลต้องจัดสรรเวลาดังกล่าวและจัดลำดับความสำคัญของร่างกฎหมายต่างๆให้สอดคล้องกับปัญหาประเทศ
- แม้เป็นที่เข้าใจได้ว่ากฎหมายที่ ครม. เสนอเข้ามา จะมี “ตั๋วพิเศษ” ที่ทำให้ลัดคิวกฎหมายอื่นๆ ที่ค้างอยู่ในระเบียบวาระการประชุมรัฐสภา แต่ทุกครั้งที่ ครม.เสนอกฎหมายเข้ามาลัดคิว คือทุกโอกาสที่สูญเสียไปกับการพิจารณากฎหมายที่ สส. เสนอ ที่ค้างอยู่ในระเบียบวาระ
- ตัวอย่างของร่างกฎหมายที่ สส. พรรคต่างๆ เสนอ ที่จ่อคิวอยู่ใน 10 คิวแรก มีตั้งแต่เรื่องการควบคุมความปลอดภัยของโรงงาน / การแก้ปัญหาทุนผูกขาด / การยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร / การเปิดเผยข้อมูลรัฐให้โปร่งใส
- ดังนั้น หากรัฐบาลจะเสนอให้นำกฎหมายกาสิโนของ ครม. เข้ามาลัดคิวก่อนจะปิดสมัยประชุมในเดือน เม.ย. นี้ ก็แสดงว่ารัฐบาลเห็นว่าเรื่องกาสิโนมีความเร่งด่วนกว่าเรื่องกฎหมายอื่นๆที่รัฐบาลเห็นว่าควรรอคิวต่อไป