นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส. นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก เทพไท เสนพงศ์-คุยการเมือง ระบุว่า จับประเด็น:ทักษิณพูดที่พิษณุโลก
ผมได้ติดตามการปราศรัยของนายทักษิณ ชินวัตร ที่จังหวัดพิษณุโลก เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อหาเสียง ดึงมวลชนคนเสื้อแดงให้กลับมาอยู่กับพรรคเพื่อไทย และชิงพื้นที่สื่อ ซึ่งนายทักษิณได้ปราศรัยในหลายประเด็น แต่จะขอหยิบยกคำพูดของนายทักษิณ เฉพาะประเด็นเกี่ยวกับทางการเมือง เพื่อนำมาวิเคราะห์ และอธิบายข้อเท็จจริงให้ได้รับทราบ ดังนี้คือ
1.เรื่องสภายุโรปลงมติประณามไทย ใช้การค้าFTAบังคับ และสหรัฐอเมริกา งดออกวีซ่าให้กับเจ้าหน้าที่ไทยที่เกี่ยวข้องกับอุยกูร์ คุณทักษิณบอกว่าอย่าตกใจ ซึ่งเป็นสไตล์ของนายทักษิณ ที่ทำเป็นใจดีสู้เสือ และไม่สนใจท่าทีของประชาคมโลก เหมือนกับครั้งหนึ่งที่ถูกUNแสดงความห่วงใย เรื่องฆ่าตัดตอนยาเสพติด จนนายทักษิณบอกว่า UNไม่ใช่พ่อ
2.แก้ปัญหาเศรษฐกิจและประเทศชาติแกัได้แต่ต้องใช้เวลา แต่ไม่ต้องรอถึง9ปี เป็นการเหน็บแนมถึงคสช. เพื่อโยนบาปการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล คสช. แก้ตัวให้รัฐบาลของนางสาวแพทองธาร
3.แก้ตัวที่เคยกล่าวพาดพิงถึงพรรคประชาน ว่าเดี๋ยวจะหายไปอีกพรรคหนึ่ง ซึ่งไม่ได้หมายถึงการยุบพรรค แต่หมายถึงการหายจากความทรงจำของประชาชน อย่าใช้วิธีการแบบพรรคการเมืองเก่าๆ ซึ่งหมายถึงประชาธิปัตย์ แต่ไม่กล้าระบุชื่อเพราะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ในขณะนี้
4.การพูดถึงพวกขาประจำเห่าหอนตลอด ระวังเส้นโลหิตในสมองจะแตก และลืมถามปู่ว่าโกรธกันเรื่องอะไร คุณทักษิณพยายามพูดถึงคนที่วิพากษ์วิจารณ์คุณทักษิณเป็นประจำ ซึ่งอยู่หลายคน แต่ในความหมายของคุณทักษิณ น่าจะหมายถึงนายชวน หลีกภัย แต่ไม่กล้าเอ่ยชื่อตรงๆ เพราะกลัวโดนสวนกลับอย่างเจ็บแสบ
5.เมื่อถามถึงการเมืองแบบตบจูบของพรรคเพื่อไทยกับภูมิใจไทย ว่า มีรสชาติดี แสดงให้เห็นว่าภายในพรรคร่วมรัฐบาลมีความขัดแย้งอยู่จริงแต่สามารถประสานประโยชน์กันได้อยู่ยังไม่ถึงขั้นแตกหัก
6.คุณทักษิณพยามอธิบายคำว่า สทร.คือเสือกทุกเรื่อง เป็นคำของคนที่ไม่ชอบ แต่คนที่ชอบบอกว่า สุดที่รัก แต่คุณทักษิณไม่ได้พูดถึงคนที่เกลียดคุณทักษิณ สทร คือ สุดทุเรศ
7.คุณทักษิณประกาศว่า รัฐบาลจะซื้อหนี้ของประชาชนออกจากระบบธนาคาร ยอมรับว่า ทำยากแต่ต้องทำ เป็นการขายฝันผลในการหาเสียงให้กับพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า
8.คุณทักษิณพูดเหน็บแนมพรรคร่วมรัฐบาลว่า พ่อมหาจำเริญช่วยกันทำงานหน่อยเถอะ ต้องบีบต้องนวดกันถึงต้องทำงาน เป็นการแสดงความเป็นเจ้าของรัฐบาล กดดันให้พรรคร่วมรัฐบาลเร่งทำงาน เพราะนางสาวแพทองธารไม่สามารถควบคุมการทำงานของรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลได้