น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามที่กระพรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เสนอ โดยเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 เพื่อให้เกิดการคุ้มครองสิทธิผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงมากขึ้น โดยปรับนิยามความรุนแรงในครอบครัวที่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัตินี้ ให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น นอกจากจะหมายถึงการทำร้ายร่างกาย จิตใจ สุขภาพแล้ว ยังรวมถึงการล่วงเกินหรือคุกคามทางเพศและการกระทำที่มุ่งประสงค์ให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย จิตใจ สุขภาพ หรือทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงด้วย
สำหรับการลงโทษได้เพิ่มอัตราโทษปรับในความผิดฐานกระทำความรุนแรงในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายร่างกาย การดูหมิ่น หรือการบังคับให้กระทำหรือไม่กระทำในสิ่งที่ผิดกฎหมายหรือศีลธรรมต่อบุคคลในครอบครัว ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ (เดิม ปรับไม่เกิน 6,000 บาท)
หากมีการกระทำความผิดซ้ำภายในระยะเวลา 3 ปีนับแต่วันที่ได้กระทำความผิดครั้งก่อน หรือกระทำต่อเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ผู้กระทำจะต้องรับโทษหนักกว่าที่กฎหมายบัญญัติไว้ไม่เกินกึ่งหนึ่ง รวมถึงกำหนดมาตรการเพื่อให้ผู้ถูกกระทำได้รับความช่วยเหลือจากกลไกที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายอย่างเหมาะสม เช่น เมื่อมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะมีการกระทำความผิดซ้ำ ให้ผู้ที่จะ ถูกกระทำหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวให้มีคำสั่งห้ามมิให้กระทำการนั้น และออกคำสั่งคุ้มครองสวัสดิภาพเพื่อคุ้มครองผู้ที่จะถูกกระทำตามสมควรแก่กรณี (เดิม ไม่ได้กำหนดไว้)
สำหรับการลงโทษได้เพิ่มอัตราโทษปรับในความผิดฐานกระทำความรุนแรงในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายร่างกาย การดูหมิ่น หรือการบังคับให้กระทำหรือไม่กระทำในสิ่งที่ผิดกฎหมายหรือศีลธรรมต่อบุคคลในครอบครัว ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ (เดิม ปรับไม่เกิน 6,000 บาท)
หากมีการกระทำความผิดซ้ำภายในระยะเวลา 3 ปีนับแต่วันที่ได้กระทำความผิดครั้งก่อน หรือกระทำต่อเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ผู้กระทำจะต้องรับโทษหนักกว่าที่กฎหมายบัญญัติไว้ไม่เกินกึ่งหนึ่ง รวมถึงกำหนดมาตรการเพื่อให้ผู้ถูกกระทำได้รับความช่วยเหลือจากกลไกที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายอย่างเหมาะสม เช่น เมื่อมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะมีการกระทำความผิดซ้ำ ให้ผู้ที่จะ ถูกกระทำหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวให้มีคำสั่งห้ามมิให้กระทำการนั้น และออกคำสั่งคุ้มครองสวัสดิภาพเพื่อคุ้มครองผู้ที่จะถูกกระทำตามสมควรแก่กรณี (เดิม ไม่ได้กำหนดไว้)