นายกองเอกอดุลย์ ชูทอง รองผู้ว่าราชการ จ.ภูเก็ต เป็นประธานการแถลงชี้แจงกรณีที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับการเปิดชุมชนต่างด้าว และโรงเรียนฟรีสำหรับชาวเมียนมาร์ในภูเก็ต โดยมี นายธีระพงศ์ ช่วยชู ปลัดจังหวัดภูเก็ต นายไพโรจน์ ศรีละมุล นายอำเภอเมืองภูเก็ต น.ส.พรรณา พรหมวิเชียรศึกษาธิการจังหวัดภูเก็ต นายพิชิต สิงห์ทองคำ จัดหางานจังหวัดภูเก็ต นางสมพิศ ศรีคำแหง พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต นาวาเอกพงศกร อิฐสมบัติ หัวหน้าฝ่ายบริหารงานบุคคลและส่งกำลังบำรุง กอ.รมน.ภูเก็ต พ.ต.อ.ชาตรี ชูแก้วผกก.สภ.เมืองภูเก็ต นายนครินทร์ ยอแสงรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลรัษฎา ซิสเตอร์ลักขณา สุขสุจิตร ผอ.โครงการศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กคณะศรีชุมพาบาล ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิบ้านศรีชุมพาบาล ภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมแถลง
นายกองเอกอดุลย์ เปิดเผยว่า จังหวัดภูเก็ตได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีดังกล่าว โดยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 17 มีนาคม 2568 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดภูเก็ต (กอ.รมน.) ร่วมกับสำนักงานจัดหางานจังหวัดภูเก็ต ที่ทำการปกครองจังหวัดภูเก็ต อำเภอเมืองภูเก็ต ตรวจคนเข้าเมือง และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต ได้เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ มูลนิธิบ้านศรีชุมพาบาล ตั้งอยู่ที่ ซอยหัชนานิเวศน์ 2/9 ถนนอนุภาษภูเก็ตการ ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต
นอกจากนี้ ผลการตรวจสอบพบว่า มี อาสาสมัครชาวต่างชาติ 3 คน ได้แก่ สัญชาติอเมริกัน สัญชาติไอริช สัญชาติจีน (ฮ่องกง) ทั้งหมดเป็นอาสาสมัครที่ไม่ได้รับค่าจ้างหรือสิ่งตอบแทนทางการเงิน ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีความเห็นว่าอาสาสมัครในองค์การกุศลสาธารณะไม่ถือเป็นการทำงานและ ไม่ต้องขอใบอนุญาตทำงาน มี ชาวต่างชาติที่ได้รับใบอนุญาตทำงาน 10 คน ประกอบด้วย สัญชาติเยอรมัน 1 คน บุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน 1 คน สัญชาติเมียนมา 8 คน ทั้งนี้ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต และสำนักงานจัดหางานจังหวัดภูเก็ต ได้ขอเอกสารของผู้ปกครองเด็กที่มาเรียนที่มูลนิธิ ซึ่งมีจำนวนกว่า 300 คน เพื่อตรวจสอบสถานะการเข้าเมืองและสิทธิในการทำงาน
ส่วนแนวทางดำเนินการต่อไปนั้น จังหวัดภูเก็ตได้มอบหมายให้ศึกษาธิการจังหวัดตรวจสอบ หากพบว่ามีการเปิดสถานศึกษาโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้กระทำผิดอาจได้รับโทษจำคุก 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท และมูลนิธิบ้านศรีชุมพาบาล สาขาภูเก็ต จะปิดการเรียนการสอน แต่ยังคงเปิดให้เด็กและเยาวชนเข้ามาทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้ ทั้งนี้ จังหวัดภูเก็ตยืนยันว่าพร้อมดำเนินการตามกฎหมาย และให้ความสำคัญกับความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม รวมถึงการจัดการแรงงานต่างด้าวให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของทางราชการ
นายกองเอกอดุลย์ เปิดเผยว่า จังหวัดภูเก็ตได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีดังกล่าว โดยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 17 มีนาคม 2568 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดภูเก็ต (กอ.รมน.) ร่วมกับสำนักงานจัดหางานจังหวัดภูเก็ต ที่ทำการปกครองจังหวัดภูเก็ต อำเภอเมืองภูเก็ต ตรวจคนเข้าเมือง และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต ได้เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ มูลนิธิบ้านศรีชุมพาบาล ตั้งอยู่ที่ ซอยหัชนานิเวศน์ 2/9 ถนนอนุภาษภูเก็ตการ ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต
นอกจากนี้ ผลการตรวจสอบพบว่า มี อาสาสมัครชาวต่างชาติ 3 คน ได้แก่ สัญชาติอเมริกัน สัญชาติไอริช สัญชาติจีน (ฮ่องกง) ทั้งหมดเป็นอาสาสมัครที่ไม่ได้รับค่าจ้างหรือสิ่งตอบแทนทางการเงิน ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีความเห็นว่าอาสาสมัครในองค์การกุศลสาธารณะไม่ถือเป็นการทำงานและ ไม่ต้องขอใบอนุญาตทำงาน มี ชาวต่างชาติที่ได้รับใบอนุญาตทำงาน 10 คน ประกอบด้วย สัญชาติเยอรมัน 1 คน บุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน 1 คน สัญชาติเมียนมา 8 คน ทั้งนี้ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต และสำนักงานจัดหางานจังหวัดภูเก็ต ได้ขอเอกสารของผู้ปกครองเด็กที่มาเรียนที่มูลนิธิ ซึ่งมีจำนวนกว่า 300 คน เพื่อตรวจสอบสถานะการเข้าเมืองและสิทธิในการทำงาน
ส่วนแนวทางดำเนินการต่อไปนั้น จังหวัดภูเก็ตได้มอบหมายให้ศึกษาธิการจังหวัดตรวจสอบ หากพบว่ามีการเปิดสถานศึกษาโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้กระทำผิดอาจได้รับโทษจำคุก 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท และมูลนิธิบ้านศรีชุมพาบาล สาขาภูเก็ต จะปิดการเรียนการสอน แต่ยังคงเปิดให้เด็กและเยาวชนเข้ามาทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้ ทั้งนี้ จังหวัดภูเก็ตยืนยันว่าพร้อมดำเนินการตามกฎหมาย และให้ความสำคัญกับความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม รวมถึงการจัดการแรงงานต่างด้าวให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของทางราชการ