พปชร.เรียกหาความรับผิดชอบจากรัฐบาล กรณีคานสะพานก่อสร้างทางด่วนดาวคะนองถล่ม

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ เรียกหาความรับผิดชอบจากรัฐบาล กรณีคานสะพานถนนพระราม 2 ถล่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย ผู้บาดเจ็บกว่า 27 ราย และยังมีผู้สูญหายอีกจำนวนมาก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ที่บริเวณถนนพระราม 2 ช่วงซอย 17 ถึงซอย 25 ก่อให้เกิดความสูญเสียจำนวนมาก

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ปัญหาการก่อสร้างถนนพระราม 2 ที่ล่าช้า กินเวลานาน และก่อให้เกิดปัญหาการจราจรและเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในช่วง ปี 2567-68 เกิดเหตุหลายครั้ง และก่อให้เกิดความสูญเสียจำนวนมาก เช่น

เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2667 ลวดสลิงขาด ทำให้กระเช้ารถเครนหล่นทับคนงาน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 2 ราย

วันที่ 14 เมษายน 2567 นั่งร้านก่อสร้างตอม่อทางยกระดับ พระราม2 ล้มขวางถนนพระราม 2 (โครงการก่อสร้างทางด่วนมอเตอร์เวย์ พระราม 2) ไม่มีผู้เสียชีวิต

วันที่ 29 กรกฎาคม 2567 แผ่นเหล็กก่อสร้างทางยกระดับ หล่นลงใส่กระโปรงรถยนต์ที่วิ่งบนถนนพระราม 2 รถยนต์ได้รับความเสียหาย 1 คัน ไม่มีผู้เสียชีวิต

วันที่ 14 ตุลาคม 2567 สะเก็ดไฟที่เกิดจากการก่อสร้างสะพานยกระดับ ร่วงใส่รถยนต์ที่วิ่งผ่านมาถนนพระราม 2 ช่วงบริเวณวัดยายร่ม ไม่มีผู้เสียชีวิต

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 คานเหล็กก่อสร้างทางยกระดับ พระราม 2 ถล่มทับ คนงานก่อสร้าง มีผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 9 ราย

วันที่ 14 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตเบื้องต้น 7 ราย สูญหาย 2 ราย ติดอยู่ใต้ซากกว่า 30 ราย บาดเจ็บ 27 ราย เป็นชาย 20 ราย หญิง 7 ราย

กรณีที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะกำหนดสมุดพกและคุยกับกรมบัญชีกลาง เพื่อกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ นั้น เป็นมาตรการที่ช้าเกินไปและไม่ได้ผล ทางกระทรวงคมนาคม ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโครงสร้างและวิศวกรรมจราจรอยู่จำนวนมาก ต้องเร่งประสาน วิศวกรรมสถาน สภาวิศวกร หรือผู้เชี่ยวชาญในด้านการก่อสร้าง โดยจะต้องให้ความสำคัญกับการสืบสวนอุบัติเหตุ หรือ AI : accident investigation ซึ่งเป็นการแสวงหาและรวบรวมหลักฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อสรุป ว่าสาเหตุเกิดขึ้นจากสิ่งใด เป็นความผิดของผู้ใด และมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดได้รวดเร็ว ไม่ใช่ปล่อยให้คดีล่าช้ามากว่า 4 เดือน แล้วปล่อยให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซาก สูญเสียซึ่งชีวิตและทรัพย์สินพี่น้องประชาชนจำนวนมากมาย

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ถ้าคนทำผิดถูกดำเนินคดีและติดคุก อย่างเป็นธรรมและเสมอภาค ใครทำผิดก็ขึ้นแบล็กลิสต์ไป ทุกคนอยู่ในกติกาเดียวกัน มาตรฐานเดียวกัน ทุกคนจะใช้ความระมัดระวังและป้องกันไม่ให้อุบัติเหตุเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ใช่ปล่อยประละเลยให้เกิดเหตุเป็นรายวันเช่นนี้ หากเป็นต่างประเทศที่เจริญแล้ว รัฐมนตรีที่มีสปิริต จะรับผิดชอบด้วยการลาออก ไม่ทู่ซี้เกาะเก้าอี้ เฉยเมยกับความสูญเสียของพี่น้องประชาชนไปวันๆ

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ว่าจะเร่งรัดการก่อสร้าง ในถนนพระรามให้เสร็จสิ้นภายในเดือนมิถุนายน 2568 เหลือเวลาอีกไม่ถึงสามเดือน การก่อสร้างยังไม่ถึงไหน เป็นการสร้างฝันลมๆ แล้งๆ หลอกลวงประชาชนไปวันๆ