การประชุมร่วมรัฐสภา ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ... ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ที่มี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน กมธ. ได้พิจารณาแล้วเสร็จ
ทั้งนี้ ในการพิจารณาของรัฐสภา ได้ทักท้วงต่อการแก้ไขของ กมธ. ในมาตรา 3 ซึ่งแก้ไข มาตรา 132 ว่าด้วยข้อกำหนดคุ้มครองผู้ที่ให้ถ้อยคำ แจ้งข้อมูลหรือเบาะแส ต่อ ป.ป.ช. โดยได้ตัดข้อความที่เป็นเงื่อนไขการให้ถ้อยคำ ข้อมูล เบาะแสที่ทำโดยสุจริต ออกไป ทำให้สมาชิกรัฐสภาไม่เห็นด้วยเพราะกังวลว่าจะเปิดช่องให้นักร้องเรียนที่มีเจตนาไม่สุจริตยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. เพื่อกลั่นแกล้งบุคคล รวมถึงฝ่ายการเมือง และไม่ต้องรับผิดในสิ่งที่มีเจตนาไม่สุจริต
นาวาโทกิตติพงษ์ ปิยะวรรณโณ กมธ.เสียงข้างมาก ชี้แจงว่า กรณีตัดข้อความดังกล่าวออกเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการบังคับใช้ ผู้ร่วมกระทำผิดส่งเอกสารต่อ ป.ป.ช. ไม่กันไว้เป็นพยาน การฟ้องปิดปาก หากกระทำโดยสุจริตผู้ถูกดำเนินคดีพิสูจน์เจตนานำส่งเอกสาร หากไม่สุจริต ข้อกังวลใช้ช่องว่างทางกฎหมายกลั่นแกล้งไม่สุจริต หลักฐานและข้อมูลที่ส่ง ป.ป.ช.เป็นความจริงต้องได้รับความคุ้มครองไม่ว่าเจตนาเป็นอย่างไร หากข้อมูลเป็นเท็จ ป.ป.ช.พิจารณากลั่นกรองใช้เบาะแสอีกชั้นหากผู้นำส่งมีเจตนาสร้างพยายานหลักฐานเท็จจะถูกดำเนินคดีอาญา ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเจตนาของผู้นำส่งหลักฐาน การคงไว้ซึ่งกระทำโดยสุจริตมีข้อเสียมากกว่าข้อดี คือ ลดการคุ้มครองของผู้ที่ส่งเอกสารอย่างมีนัยสำคัญ เจตนาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟ้องร้องผู้เกี่ยวข้อง ทั้งนี้เอกสารต่างๆ ป.ป.ช.ต้องพิสูจน์ก่อนนำไปใช้ในชั้นศาล
หลังจากการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภา ที่ประชุมลงมติเห็นด้วยกับการแก้ไขของกรรมาธิการเสียงข้างน้อย ที่เห็นว่าไม่ควรตัดข้อความที่เป็นเงื่อนไขการให้ถ้อยคำ ข้อมูล เบาะแสที่ทำโดยสุจริต ออกไป
ทั้งนี้ หลังจากที่ประชุมอภิปรายรายละเอียดแต่ละมาตราแล้วเสร็จ ได้ลงมติ โดยมติที่ประชุมเสียงเอกฉันท์ 507 เสียงเห็นชอบร่าง พ.ร.ป. ป.ป.ช. ดังกล่าว พร้อมกับเห็นด้วยกับข้อสังเกตเพื่อส่งไปยัง ครม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง