นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนินงานตามนโยบาย "Save อุตสาหกรรมไทย" หนึ่งในการปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ เพื่อยกระดับการคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน โดยการควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะสินค้าที่ส่งผลกระทบกับความปลอดภัยของประชาชนโดยตรง เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เหล็ก วัสดุก่อสร้าง ลิฟต์ บันไดเลื่อน และถังดับเพลิง เป็นต้น เพื่อให้ สมอ. สามารถกำกับดูแลคุณภาพสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐานได้มากขึ้น ซึ่งในการประชุมบอร์ด สมอ. เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบให้ "ตัวทำให้ร้อนด้วยการแช่ยกหิ้วได้" หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปคือ เครื่องทำน้ำอุ่นแบบจุ่ม เป็นสินค้าควบคุม เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน หลังพบว่ามีการจำหน่ายอย่างแพร่หลายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อดัง หวั่นประชาชนนำไปใช้อาจเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
นายบรรจง สุกรีฑา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) เปิดเผยเพิ่มเติมว่า จากการประชุมบอร์ด สมอ. เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นอกจากบอร์ดจะมีมติเห็นชอบให้ "เครื่องทำน้ำอุ่นแบบจุ่ม"เป็นสินค้าควบคุม ตามที่ สมอ. เสนอแล้ว ยังเห็นชอบให้ "ที่รองนั่งไฟฟ้าสำหรับโถส้วมนั่งราบ" และพอลิโพรพิลีนเรซิน (เม็ดพลาสติก PP) เป็นสินค้าควบคุมด้วย พร้อมทั้งเห็นชอบมาตรฐานสินค้าและวิธีทดสอบต่างๆ รวมจำนวน 67 มาตรฐาน เช่น ฉนวนกันความร้อนใยแก้ว เครื่องขัดล้างพื้น เครื่องดูดควัน ยางรีดนมโค รถแทรกเตอร์และเครื่องจักรกลเพื่อการเกษตรและการป่าไม้ กระดาษเหนียว กระดาษปอนด์ ฝาอะลูมิเนียม/ฝาพลาสติกสำหรับขวดยาฉีด เป็นต้น
นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า เครื่องทำน้ำอุ่นแบบจุ่ม หรือ ชื่อในมาตรฐาน "ตัวทำให้ร้อนด้วยการแช่ยกหิ้วได้" มอก. 60335 เล่ม 2 (74) – 2565 เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ทำน้ำร้อนและน้ำอุ่น สามารถนำไปใช้ทำน้ำร้อนในฤดูหนาว หรือในการตั้งแคมป์ได้ มีแรงดันไฟฟ้าไม่เกิน 250 โวลต์ โดยข้อกำหนดในมาตรฐานจะควบคุมด้านความปลอดภัยที่สำคัญ เช่น การป้องกันไฟรั่ว ไฟช็อต และการทดสอบการป้องกันน้ำเข้าตัวเครื่อง โดยการจุ่มน้ำที่ความลึกระดับ 1 เมตร เป็นเวลา 30 นาที เป็นต้น
โดยมาตรฐานดังกล่าวคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จึงขอฝากเตือนถึงประชาชน หากไม่จำเป็นยังไม่ควรนำมาใช้งานในขณะนี้ เพราะยังไม่มีการรับรองคุณภาพด้านความปลอดภัย อาจเสี่ยงเป็นอันตรายถึงชีวิตได้