เพจสภาองค์กรของผู้บริโภค โพสต์ระบุว่า ปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์และความมั่นใจในตนเองมากขึ้น ทำให้ธุรกิจคลินิกเสริมความงามเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ขณะเดียวกันคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานขาดการควบคุมดูแล กระจายตัวเพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวล ส่งผลให้เกิดปัญหาด้านความปลอดภัย คุณภาพของผลิตภัณฑ์ และความถูกต้องตามกฎหมาย ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพและชีวิตของผู้บริโภค
อนุกรรมการด้านบริการสุขภาพ สภาผู้บริโภค เรียกร้องให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เร่งตรวจสอบและดำเนินมาตรการกับคลินิกเสริมความงามที่ให้บริการไม่ได้มาตรฐาน หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจำนวนมากจากผู้บริโภค เกี่ยวกับปัญหาด้านความปลอดภัยและคุณภาพการให้บริการเสริมความงาม
นพ.ขวัญประชา เชียงไชยสกุลไทย อนุกรรมการด้านบริการสุขภาพ เปิดเผยว่า ผู้บริโภคจำนวนมากได้รับผลกระทบจากคลินิกเสริมความงามที่ไม่ได้มาตรฐาน ทั้งจากผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพ เทคนิคการรักษาที่ผิดพลาด และการดำเนินกิจการโดยไม่มีใบอนุญาต โดยตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 - ธันวาคม 2567 สภาผู้บริโภคมีเรื่องร้องเรียนถึง 1,442 กรณี ครอบคลุมปัญหาการใช้เครื่องมือที่ไม่ได้รับอนุญาต การจ้างบุคลากรที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพ และการโฆษณาเกินจริง ซึ่งล้วนก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้บริโภค
นพ.ขวัญประชา กล่าวเน้นย้ำว่า "หากไม่มีมาตรการที่เข้มงวด ปัญหาคลินิกเสริมความงามที่ไม่ได้มาตรฐานจะยิ่งเพิ่มขึ้น" พร้อมยกตัวอย่างผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบ เช่น หญิงสาวรายหนึ่งที่ทำศัลยกรรมลักยิ้มแต่เกิดภาวะเลือดไหลผิดปกติจนเกือบหมดสติ หรือกรณีคลินิกที่ปล่อยให้บุคคลไม่มีใบประกอบวิชาชีพแพทย์ทำหัตถการ เช่น คลินิกกลางกรุงที่ให้ "หมอ ม.6" ศัลยกรรมจมูก และคลินิกที่บางแสนที่พบหมอเถื่อนฉีดโบท็อกซ์ให้ลูกค้า
"สบส. ต้องเลิกทำตัวเป็นเพียงหน่วยงานออกใบอนุญาต และลงมาจัดการคลินิกเสริมความงามอย่างจริงจัง ก่อนที่จะมีผู้บริโภคเป็นเหยื่อรายต่อ ๆ ไป"