xs
xsm
sm
md
lg

“หมอดื้อ”ประเมินเสี่ยงตายกระทันหัน จากวัคซีนและโควิด-การถอนพิษ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
ประเมินเสี่ยงตายกระทันหัน จากวัคซีนและโควิด-การถอนพิษ

ตายกระทันหันในคนอายุน้อยแข็งแรงโดยไม่มีอาการป่วยไข้มาก่อน และเกิดขึ้นได้เป็นเดือนหรือหลายปีหลังจากได้รับวัคซีน เป็นที่พิสูจน์แล้วจากการชันสูตรศพจากหลายประเทศ
การอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจและเยื่อหุ้มหัวใจโดยไม่มีอาการส่อเหตุใดๆ ทำให้เกิด หัวใจเต้นเร็วผิดปกติจนหยุดเต้น (re-entrant ventricular tachycardia และ spontaneous, ventricular fibrillation)
ตายกระทันหัน เกิดขึ้นช่วงเวลา มีการออกแรงหรือออกกำลังและในช่วงที่กำลังจะตื่น 02.00 ถึง 05.00 ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวมีการหลั่งของสาร Catecholamines
และนอกจากนั้นยังเกิดได้จากเลือดหนืดข้น และบางรายรุนแรงจนกระทั่งก่อให้เกิดลิ่มเหนียวทนต่อการสลาย

รายงานนี้เป็นการเสนอกระบวนการตรวจที่จะประเมินความเสี่ยงการตายกระทันหัน โดยเพ่งเล็งไปถึงสาเหตุของกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ทั้งนี้ การประเมิน ต้องรวมถึงประวัติ สุขภาพทั่วไป ประวัติการติดโควิด สายพันธุ์ใด ในช่วงปี 2020 2021 และเป็นโอไมครอนใน 2022 เป็นต้นไป (โดยที่โอไมครอนอาจจะมีความเสี่ยงน้อยกว่า) ประวัติการฉีดวัคซีนชนิดต่างๆ กี่เข็ม และในปัจจุบันมีอาการใดๆหรือไม่?
ถ้าปัจจุบันไม่มีอาการใดๆทั้งสิ้น และไม่เคยได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนน้อยเข็มไม่เกิน สอง ที่เป็น mRNA แต่ไม่มีอาการผิดปกติทั้งที่ ตำแหน่งฉีดและอาการทางร่างกาย และเคยติดโควิดโดยแทบไม่มีอาการ
จัดเป็นกลุ่ม“น่าจะปลอดภัย” โดยมี spike exposures ต่ำ

กลุ่มที่มีพิษสะสม (spike exposures) “มาก” ดูจาก ติดโควิดบ่อยและหรืออาการหนัก ฉีดวัคซีน โดยเฉพาะ mRNA หลายเข็ม และมีปฏิกิริยาชัด ในตำแหน่งที่ฉีดและ/หรือมีอาการทางร่างกายมาก และจากการที่มีพิษสะสมมาก ร่างกายจะผลิตแอนติบอดีหรือภูมิต่อ โปรตีน หนาม สูงลอยอยู่ตลอด เป็น มากกว่าพัน หรือเป็นหมื่น หน่วย/mL และตรวจพบว่ามี แอนติเจน spike ในเลือด (ทั้งนี้ตรวจครั้งเดียวไม่ได้หมายความว่าไม่เจอ เพราะอาจปะทุออกมาเป็นครั้งคราว)

ในกลุ่มนี้ การตรวจต่อไปประกอบด้วย EKG การตรวจเลือดดูความเสียหายของหัวใจ high sensitivity troponin
BNP/NT-proBNP ที่บอกสภาพภาวะเสี่ยงต่อหัวใจล้มเหลว
Galectin-3 เป็นการตรวจmarker ของ การอักเสบเรื้อรัง/แผลเป็นในหัวใจซึ่งบอกความเสี่ยงของหัวใจวายในอนาคต

D-dimer แสดงถึงมีลิ่มเลือดในร่างกาย และมีการสลายออกทำให้ตรวจพบ ถ้ามีปริมาณสูงแสดงว่ามีลิ่มเลือดก่อตัวในร่างกาย

ทั้งนี้มีรายงานก่อนหน้าพบว่าหลังจากที่ฉีดวัคซีนโควิดไปแล้ว 17% จะมีลิ่มเลือดเกิดขึ้น

การตรวจ หา พันธุกรรมที่สุ่มเสี่ยงต่อภาวะหัวใจหยุดเต้น pathogenic mutations ใน cardiac ion channels ทั้งนี้ พบว่าถ้ามี mutations ใน SCN5A sodium channel จะมีความเสี่ยงต่อการตายกระทันหันจากวัคซีนโควิด

การตรวจอย่างอื่น ได้แก่ EKG Echo หัวใจ รวมทั้ง การตรวจ MRI และต้องฉีดสี ถ้าการตรวจด้านต้น ไม่ปกติ ทั้งนี้ MRI จะสามารถตรวจจับบริเวณหัวใจที่มีการอักเสบหรือมีแผลเป็นในช่วง late gadolinium enhancement LGE ถ้าเกิน 15% =มีความเสี่ยงสูงที่จะมีตายกระทันหัน (การชันสูตรศพผู้ที่ตายกระทันหันมีความหมายมากและจำเป็นที่ต้องตรวจละเอียดว่ามีกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบรวมทั้งมีเยื่อพังผืดแผลเป็นอยู่ในหัวใจหรือไม่ ที่ก่อให้เกิดหัวใจเต้นผิดปกติ)

การรักษา ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงไม่มาก ใช้ colchicine 0.6 มก ต่อวันต้านการอักเสบ โดยต้องกินเป็นปี ใน กรณีที่วัคซีนทำให้เกิดหัวใจเต้นเร็วเวลาลุกขึ้น อาจต้องใช้ nadolol 20-40 มก ด้วย
ในกลุ่มที่พบความผิดปกติมาก ต้องอยู่ในความดูแลของหมอหัวใจ โดยอาจใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจฝังในตัว

การถอนพิษในรายงานนี้ประกอบไปด้วย การกิน ถั่วเน่า Nuttokinase ขมิ้นชัน และ bromelain แกนสับปะรด ทั้งหมดนี้ช่วยย่อยโปรตีน ต้านการอักเสบ และละลายลิ่มเลือด
แล้วต้องระวังว่าวัคซีนทำให้เกิดภาวะภูมิคุ้มกันวิปริต เช่นแพ้แบบ โรคพุ่มพวง โรคผิวหนัง ข้ออักเสบ สะเก็ดเงินเป็นต้น อาจต้องมีการรักษาแบบอื่นด้วย
Risk stratification for future cardiac arrest after COVID-19 vaccination 26/2/2025
World J Cardiol 2025; 17(2): 103909 [DOI: 10.4330/wjc.v17.i2.103909]

ความเห็นของหมอ ครับ
1.การตรวจ ในลักษณะนี้ จะใช้เงินหลาย 100,000 บาท ซึ่งเป็นไปไม่ได้สำหรับคนไทยทั่วไป แต่ถ้ามีอาการแล้ว แน่นอนควรตรวจ

2.การถอนพิษ ทำได้ง่ายสำหรับคนไทย คือ เข้าใกล้ มังสวิรัติ งดสัตว์บก กินปลา กุ้ง หอย ได้ ออกกำลัง ถ้าไหว เดิน หมื่นก้าว ตากแดด จิตไม่ตก ใครด่ามาไม่รับ สะท้อนกลับ คนคิดไม่ดี อกแตกตาย
ต้องเอื้อเฟื้อคนด้อยกว่า คนตกทุกข์ตามความสามารถ

ผักผลไม้กากใย ตามฤดูกาล สมุนไพรไทยเรากินอยู่แล้วเป็นอาหาร ขิงข่า ตะไคร้ ขมิ้น กระเพรา พริกไทยดำ พริกหวาน พริกขึ้หนู กระชายขาว หัวหอมแดง และต่างๆนานา ช่วยลดการอักเสบได้จริง และคล้ายกับสูตรฝรั่งที่ว่า
ถ้าเป็นมากขึ้น ใช้ กันชง ร่วม ไม่ใช่กันชา ไม่ตีกับยาอื่นเพราะขนาดเจือจาง ไม่ติด ไม่เมา หรือใบกัญชา ใส่น้ำร้อนไม่ใช่ต้มน้ำเดือด กินเป็นชา