xs
xsm
sm
md
lg

“จตุพร”แนะฝ่ายค้านล็อกเป้าซักฟอกมุ่งไปที่“อุ๊งอิ๊ง”คนเดียว เชื่อไม่มีศักยภาพชี้แจง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์โดยเชื่อว่า ท่ามกลางการเล่นเกมการเมืองเปลืองตัวของรัฐบาล จนต้องตกอยู่ในสภาพติดกับอำนาจเสียเอง ทั้งกรณีเล่นงานคดีอาญา สว.อั้งยี่-ซ่องโจร และเผชิญหน้าศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งฝ่ายค้านทำท่าพลิกโผยื่นซักฟอกนายกฯ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร คนเดียว

อีกทั้งกล่าวถึงการอภิปรายฯ ว่า ข่าวสารหลุดร่างยื่นอภิปรายฯ 10 รัฐมนตรีของฝ่ายค้าน โดยพรรคเพื่อไทยมีชื่อรัฐมนตรี 4 คน พรรครวมไทยสร้างชาติมีชื่อ 3 คน ซึ่งคงมากที่สุดเพราะถูกอภิปรายฯ ยกพรรค คือ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรมว.พลังงาน นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม และ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์

ส่วนพรรคภูมิใจไทย มี 2 ชื่อ คือนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย กับ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษา และพรรคประชาชาติ มี 1 คน คือ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม

อย่างไรก็ตาม การยื่นเปิดอภิปรายฯ มากถึง 10 รมต. นั้น เป็นการเสียเวลาที่มีแค่ 2 วัน เท่ากับทำได้เพียงนำเรื่องของนายกฯ และรัฐมนตรี มาเล่าสู่กันฟัง ไม่ได้หวังผลทางการเมืองปัจจุบัน เพื่อสานไปถึงอนาคตอีกยาวไกล

"ในสถานการณ์อย่างนี้ ถ้าต้องการล็อกเป้าแล้ว ต้องเอาเป้าเดียว มุ่งไปที่นายกฯ อุ๊งอิ๊ง คนเดียว เพราะไม่มีศักยภาพในการชี้แจง จึงต้องลากผู้เป็นพ่อ (ทักษิณ ชินวัตร) มาช่วยตอบ และพรรคเพื่อไทยจะเกิดองครักษ์พิทักษ์นาย ทำสภาวุ่นวาย สร้างความเสื่อมตามลำดับ"

นายจตุพร กล่าวว่า ถ้ายื่นอภิปรายฯ ถึง 10 คน เมื่อรัฐมนตรีคนอื่นสามารถชี้แจงได้ ถ้าใช้เวลาแค่ 2 วัน พุ่งไปที่เป้าเดียว แม้นายกฯ ผ่านเสียงไว้วางใจ แต่ประชาชนเห็นว่าไม่สามารถตอบอะไรได้เลย จะมีทางเลือก 2 ทางคือ ไม่ยุบสภาก็ลาออกจากนายกฯ ขณะที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคประชาชน ประกาศไม่ร่วมรัฐบาลด้วย ดังนั้น ความน่าจะเป็นคงต้องยุบสภา

อย่างไรก็ตาม หากตีความพฤติกรรมการเมืองจากงานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา มีการแชร์ค่าอาหารคนละ 7,000 บาท ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้น อาจเป็นการส่งสัญญาณสื่อให้รู้ว่า ไม่มีใครเป็นผู้นำ ต้องรับผิดชอบร่วมกัน สะท้อนถึงชีวิตใครชีวิตมัน ซึ่งมีชีวิตการเมืองอิ่มละ 7,000 เท่ากัน

"การจ่ายค่าอาหาร 7,000 บาทเท่ากัน อาจชี้ให้เห็นว่า การเมืองกำลงเดินมาถึงจุดเป็นทางแยก และท่ามกลางรอยร้าวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ถ้าล็อกเป้า (อภิปรายฯ) เหลือคนเดียว จะลามถึงเรื่องอื่นๆ เป็นลำดับ” นายจตุพร กล่าวและเชื่อเกมต่อรองประเด็น สว.ถูกข้อหาอั้งยี่-ซ่องโจรจะถูกโยงมาเป็นส่วนหนึ่งการติดกับของรัฐบาลเช่นกัน

ส่วนการเปิดประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งใหม่วันที่ 6 มี.ค. นี้ ที่จะให้ กกต.มาชี้แจงในที่ประชุมนั้น แต่ กกต.สวนกลับยังไม่ทันข้ามวันว่า ใช้อำนาจอะไร เรียกให้มาชี้แจง เพราะขั้นตอน กกต.ขอความร่วมมือให้ ดีเอสไอ ไปตรวจสอบ สว. เมื่อทำหน้าที่เสร็จต้องส่งเรื่องกลับมาให้ กกต.จึงจะถูกต้อง

"ถัดจากนี้ ให้จับตาดูลีลาของ กกต. ว่า ก่อนถึงวันที่ 6 มี.ค.นี้ เขาอาจจะเรียกผลการสอบสวนจากดีเอสไอมาที่ กกต. เพราะถ้า กกต.ไปให้ปากคำ กคพ. ย่อมแสดงว่า เรื่องการจัดการเลือกตั้งต่อไปจะมีดีเอสไออยู่เหนือกว่าการทำหน้าที่ของ กกต."

สิ่งสำคัญ บรรดาข้าราชการที่เป็นกรรมการใน กคพ. คงมีอาการนกรู้ขึ้นมา แม้ผลการสอบสวนของดีเอสไอน่ารับฟังก็ตาม แต่เมื่อนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาคณะกรรมการกฤษฎีกา ชี้ข้อกฎหมายจะเข้าข่าย ม.157

ดังนั้น กคพ.ที่มีข้าราชการเป็นกรรมการโดยตำแหน่งประมาณ 9-10 คนจาก 22 คน ย่อมหวั่นไหวกับ ม.157 และเหนืออื่นใดสะท้อนถึง ไม่มีอะไรเบ็ดเสร็จไปทุกอย่างตามที่รัฐบาลต้องการ จนเล่นเกมเปลืองตัว

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีบางคนแสดงอาการขึงขัง ไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม ยื่นกรานคนผิดเป็นผิด ต้องไม่ถูก แต่เอาจริงไม่ได้เป็นอย่างท่วงทำนองโครมครามนั้น เพราะตำรวจใหญ่ 3 นายหายหน้าจากที่ประชุม ซึ่งอาจไม่มั่นใจกับการเมือง ถ้าสถานการณ์เปลี่ยนแล้ว ม.157 จะติดตัว กคพ.ที่ร่วมประชุมกันไป

นายจตุพร กล่าวว่า ถ้า กคพ.ให้ดีเอสไอ รับดำเนินการข้อหาอาญา สว. โดยการสอบสวนนั้น มีหลัก 4 ฝ่ายคือ ฝ่ายโจทก์เป็นดีเอสไอมีอัยการเป็นคู่หูปรึกษาคดี ส่วน สว.จำเลยต้องมีทนายให้คำแก้ต่าง ซึ่งต้องสู้ตายเพราะเป็นคดีอาญามีโทษติดคุกถึง 10 ปีเป็นเดิมพันชีวิต

"การสู้ของ สว.ต้องใช้อาวุธเสียงแค่ 20 เสียงยื่นเรื่องให้ประธานรัฐสภาส่งรื่องไปยังศาล รธน. (ตรวจสอบข้อหาสนามกอล์ฟอัลไพน์ครอบครองที่ธรณีสงฆ์ เข้าข่ายผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง) ดังนั้น การสู้ตายด้วยห้วงเวลาอาวุธของ สว.จะเร็วกว่า การทำหน้าที่ตามขั้นของดีเอสไอ"

พร้อมทั้งเชื่อว่า การเลือก สว.มีฮั้วกันแน่นอน เพราะมีโพยให้เลือก สิ่งสำคัญเป็นรูปแบบของ รธน. 60 ที่ออกแบบให้กลุ่มสาขาอาชีพมาสมัครแล้วเลือกไขว้ โดยห้ามพูดคุยกัน ดังนั้น ผู้สมัครจึงกำหนดโพยให้เลือก ทั้งนี้อย่าถามหาคุณภาพของ สว. เมื่อมีกำหนดกติกาแบบนี้ จึงต้องได้ สว.แบบโพยฮั้วกันเช่นนี้

"ดังนั้น ถ้า กกต.เรียกเอาผลการสอบสวนจากดีเอสไอ กลับมา จะทำให้ ดีเอสไอ โล่งใจที่สุด จึงไม่มีเหตุให้ กคพ.ประชุมพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ ขณะเดียวกัน ถ้า กกต.ปล่อยให้ ดีเอสไอ เล่นงานคดีอาญาแล้ว สักวันหนึ่ง ม.157 ย่อมมาถึง กกต.ที่ไปรับรอง สว.ฮั้วได้อย่างไร ซึ่งหมายความว่า ไม่มีใครจะยอมตายให้ใคร" นายจตุพร ประเมินอาการติดกับงูกินหางที่ต้องดิ้นรนเอาตัวรอด

นอกจากนี้ กรณีตั้งข้อหาคดีอาญา สว. คงทำให้รัฐบาลติดกับของเกมต่อสู้ เมื่อทุกฝ่ายจึงคิดหาทางออกกัน โดยส่วนหนึ่ง กคพ. เสนอนำเรื่องกลับไปที่คณะอนุกรรมการตรวจสอบก่อนนำเข้าที่ประชุม กคพ. ดังนั้น ย่อมชี้ให้เห็นว่า เกมทุกเกมทางการเมืองได้ใช้อย่างสิ้นเปลือง เพราะเล่นหมากที่รุนแรง รวมทั้งการต่อสู้กัน และแต่ละฝ่ายพยายามคิดหาทางออก แสดงว่า ไม่ยอมเอาชีวิตมาตายเพื่อใคร

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ย่อมการเมืองตามแบบประเทศด้อยพัฒนา ย่อมเดินวนซ้ำกันได้เท่านี้ จะไปหวังหาความถูกต้องอะไรได้ เพราะบ้านเมืองเดินผิดทิศผิดทางจนเอาหลักนิติรัฐ นิติธรรมมาปู้ยี่ปู้ยำเพื่อแลกกับการกลับบ้านของใครบางคนโดยไม่ติดคุกสักวัน จนประเทศหาหนทางเดินไปข้างหน้าไม่ได้ ดังนั้น ท้ายที่สุด คนไทยต้องคิดอ่านกันว่า ต้องการอะไรกัน

ส่วนยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะกลับไทยโดยพร้อมรับโทษยอมติดคุกนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าจะยอมติดคุกแล้ว คงไม่ต้องรอเวลากลับไทยหรือกำหนดจะเป็นเดือนเมษายนให้มาเล่นสงกรานต์ตามที่ทักษิณ ประกาศเตรียมการไว้

หากถามว่า ถัดมาทำไมทักษิณจึงชะงักงันเมื่อถูกถามถึงการกลับไทยของยิ่งลักษณ์ เพราะถ้ามั่นใจแล้วย่อมไม่มีเหตุต้องบอกเดี๋ยวกลับ ไม่กลับ ทำไปเพื่ออะไร ไม่มีประโยชน์ ไม่พูดก็ได้ ไม่มีใครว่าอะไร

นายจตุพร กล่าวว่า อาการชะงักของทักษิณ อาจบ่งบอกถึงทางการเมืองมีความไม่ชัดเจน หรือไม่แน่ใจสถานการณ์ รพ.ตำรวจ ชั้น 14 และผลสอบสวนของแพทยสภา ซึ่งจะเป็นสารตั้งต้นของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาคำร้องนำตัวทักษิณกลับไปติดคุก และห้วงวันระทึกขวัญใกล้เข้ามาทุกขณะ ผลแห่งอนาคตมีเพียงหนี ติดคุก และกร่างอำนาจยิ่งขึ้น นั่นเป็นอีกเดิมพันของบ้านเมืองที่ต้องติดกับ

ประเทศไทยต้องมาก่อน