พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหามาตรการป้องกันปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า โดยนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า เนื่องจากเป็นมติ ครม. ตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 โดยในส่วนของการปฏิบัติ ตำรวจได้มีการสืบสวนป้องกันปราบปรามมาโดยตลอด ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำ 2 เรื่อง คือ การสืบสวนจับกุมการนำเข้า โดยให้ตำรวจบูรณาการกับศุลกากร ซึ่งถ้าป้องกันการนำเข้าได้ก็จะทำให้บุหรี่ไฟฟ้าลดลง และยังเน้นย้ำกรณีที่หลุดจากการป้องกันการนำเข้าแล้วนำมาซุกซ่อน พักพิงและจำหน่าย
ส่วนกรณีของผู้ใช้ อยู่ในขั้นตอนของการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชน ส่วนกรณีที่มีการระบาดไปยังพื้นที่สถานศึกษา ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำมากเช่นกัน ซึ่งขณะนี้ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) เป็นผู้รับผิดชอบ โดยมาตราการป้องกันปราบปรามของตำรวจก็เน้นไปที่สถานศึกษาด้วย ซึ่งในปี 2567 มีการจับกุมเกือบ 2,000 คดี และในปี 2568 ก็มีการจับกุมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการรับแจ้งเบาะแสจากประชาชนเข้ามาโดยตลอด และฝากเตือนไปยังผู้ที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าไม่มีกฎหมายบังคับใช้ จริงๆมีข้อกฎหมายเรื่องนี้อยู่แล้ว หากจำหน่าย นำเข้าหรือซุกซ่อน หรือทำผิดกฎหมายมีโทษจำคุก ซึ่งตำรวจมีข้อมูลบางส่วนแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการปราบปรามจับกุม
เมื่อถามว่า ควรจะมีชุดเฉพาะกิจบริเวณหน้าสถานศึกษาหรือไม่ เนื่องจากขณะนี้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าลุกลามไปถึงเด็กประถม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เรื่องชุดเฉพาะกิจ ขณะนี้ พล.ต.อ. ประจวบ รับผิดชอบอยู่ รวมถึงมีผู้ช่วย ผบ.ตร.คนอื่นๆ ดูแลตามที่ได้รับมอบหมาย โดยในการปฏิบัติการได้ให้ชุดสืบสวนภูธรจังหวัด ชุดสืบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาลที่เป็นชุดปฏิบัติการรับผิดชอบ เข้าไปตรวจสอบตามนโยบายและการสั่งการ โดยตนได้กำชับว่า ให้ทำอย่างเข้มข้นรอบสถานศึกษาหากพบการแอบจำหน่ายหรือมีแหล่งพักพิงต้องจับกุมทั้งหมด
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันได้เข้มข้นกับตำรวจหรือข้าราชการ หากพบมีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องจะดำเนินการทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการออกหนังสือตั้งแต่ปี 2567 พร้อมย้ำว่า ใครที่บอกว่ายังไม่มีกฎหมายจับไม่ได้นั้นไม่ใช่ เรื่องนี้มีกฎหมายชัดเจนทั้งนำเข้า ครอบครอง จำหน่าย และการใช้
ส่วนกรณีที่มีข้อสั่งการให้กลับมารายงานความคืบหน้าภายใน 15 วัน จะได้เห็นผลในด้านใดบ้าง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า จะเห็นผลด้านการปราบปราม โดยในระยะเวลา 1 เดือนจะมีการประเมิน โดยให้น.ส.จิราพร สินธุไพรรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งจะมีการประชุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้เพื่อหารือ และดำเนินมาตรการเชิงรุกในการปราบปราม
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เปิดเผยด้วยว่า นายกรัฐมนตรีได้สอบถามเรื่องปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดย พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ได้รายงานข้อมูลต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องที่กระทบความเป็นอยู่และสภาพเศรษฐกิจของประชาชน ซึ่งเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าก็เป็นเรื่องของสุขภาพด้วย และอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศด้วย