วันนี้ (23 ก.พ.) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ชุดเฉพาะกิจสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สคบ. ฝ่ายปราบปรามการยาสูบ ร่วมกันลงพื้นที่ กทม.จับกุมร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
นายจิรายุ เปิดเผยว่า ได้รับเอกสาร “ลับ” เรื่องธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้าสีเทามูลค่ากว่า 5 พันล้านบาทต่อปี รวมทั้งแผนผังผู้เกี่ยวข้องกับการนำเข้า ทั้งอุปกรณ์และน้ำยาจากต่างประเทศผ่านช่องทางต่างๆโดยระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ไปมีส่วนเกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน ทั้งผู้ดูแลสินค้าน้ำเข้าที่ด่านพรมแดน ช่องทางธรรมชาติ 51 แห่ง เพราะบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ผลิตในไทย มีเกือบทุกจังหวัดโดยเฉพาะใน กทม. พบเกือบทุกเขต ที่มีการเปิดร้านขายอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้ากันอย่างโจ่งครึ่ม บางแห่งถึงขั้นลงโฆษณาในโซเชียลและบางแห่งทำหน้าร้านชนิดที่ไม่เกรงกลัวใด ๆ ทำให้สังคมเกิดข้อกังขาว่า เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องตั้งแต่หน้าด่านที่ควบคุมสินค้าต่างๆ และตำรวจทุกหน่วยที่มีหน้าที่ปราบปรามจับกุม ทั้งหน้าร้านและในโซเชียลรู้เห็นเป็นใจและรับสินบนจากร้านค้าขายของผิดกฎหมายเหล่านี้หรือไม่ รายงานดังกล่าวระบุรายชื่อของร้าน จุดที่ตั้ง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ การจ่ายส่วยสถานีตำรวจที่รับผิดชอบทั่วประเทศ ที่กล่าวหาว่ามีการรับส่วยเดือนละ 5,000 -10,000 บาท/ร้านค้า ส่วนผู้นำเข้ารายละกว่า 200,000 ขึ้นอยู่กับขนาดของร้านและเมืองท่องเที่ยวต่าง ๆ อีกด้วย ซึ่งตนจะดำเนินการตรวจสอบว่ามีเจ้าหน้าที่คนใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับสินบน หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว เพื่อเอาผิดทางวินัยและทางอาญาต่อไป
นายจิรายุ กล่าวว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยตรง และผู้บังคับบัญชา เห็นใจถึงหัวอกพ่อแม่ซึ่งที่ผ่านมามีเด็กและเยาวชนจำนวนมากเข้าไปซื้อทั้งน้ำยาและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องจนทำให้กิจการเหล่านี้รุ่งเรืองซึ่งหากไม่มีเจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นใจ หรือปล่อยประละเลยก็จะไม่สามารถเปิดจำหน่ายได้ ทั้งนี้ ตนจะรวบรวมข้อมูลและพฤติกรรมของสถานีตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ส่งให้กับนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป