นายวโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.คาดการณ์ว่าค่าเงินบาทในปี 2568 จะอยู่ในกรอบ 35.00-35.30 บาทต่อดอลลาร์ เฉลี่ยอยู่ที่ 35.15 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นการแข็งค่าขึ้น 0.4% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 35.29 บาทต่อดอลลาร์ โดยคาดการณ์ค่าเงินบาท ณ เดือนมกราคม 2568 เป็นการปรับประมาณการณ์อ่อนค่าลงจากเดือนตุลาคม 2567 ที่ 32.90 บาทต่อดอลลาร์
โดยสาเหตุหลักเนื่องจากมองว่าโอกาสที่คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเหลือเพียงครั้งเดียวในเดือนกรกฎาคม 2568
ขณะที่ สศค. คาดการณ์ว่าดัชนีค่าเงินบาท (NEER) ปี 2568 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 114.4 จุด แข็งค่าขึ้นจากปีก่อนหน้า 2%
โดยตั้งแต่วันที่ 1-29 มกราคม 2568 ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 34.32 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น 2.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า และดัชนีค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 117.21 จุด แข็งค่าขึ้น 4.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ ภาพรวมปี 2568 ค่าเงินบาทมีทิศทางสอดคล้องกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในประเทศคู่ค้าหลักของไทย เช่น ริงกิตมาเลเซีย ดอลลาร์ฮ่องกง ปอนด์สเตอร์ลิง ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์ไต้หวัน รูเปียอินเดีย เป็นต้น โดยมีแนวโน้มแข็งค่ากว่าวอนเกาหลี เปโซฟิลิปปินส์ด่องเวียดนาม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสกุลเงินยูโรและหยวน ที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลงมากเมื่อเปรียบเกียบกับดอลลาร์สหรัฐ จากปัจจัยสนับสนุนด้านความเชื่อมั่นของตลาดต่อการดำเนินมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาลและการเร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุนปีงบประมาณ 2568
ในปี 2568 คาดว่าค่าเงินบาทมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่ามากที่สุดในไตรมาสที่ 2 และทยอยแข็งค่ามากขึ้นในไตรมาสที่ 3 และ 4 จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ และฤดูกาลท่องเที่ยวของไทย