xs
xsm
sm
md
lg

'รวงข้าว'คาดกรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า 33.10-34.00 บาท/ดอลลาร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวผันผวนในกรอบประมาณ 33.50-34.15 บาทต่อดอลลาร์ ตามประเด็นข่าวภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐ และประเทศคู่ค้า

เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้นสัปดาห์สอดคล้องกับทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติซึ่งอยู่ในฝั่งขายสุทธิทั้งหุ้นและพันธบัตรไทย และการอ่อนค่าของสกุลเงินเอเชียอื่นๆ ท่ามกลางความกังวลต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้ากับแคนาดา เม็กซิโก และจีน

อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกแข็งค่ากลับมาช่วงที่เหลือของสัปดาห์ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ หลังสหรัฐฯ เลื่อนการขึ้นภาษีนำเข้ากับแคนาดาและเม็กซิโกออกไป 30 วัน ประกอบกับจีนได้ประกาศมาตรการทางภาษีกับสหรัฐฯ โดยมีการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ บางรายการเพิ่มในอัตรา 10-15%

นอกจากนี้ เงินบาทยังมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของราคาทองคำในตลาดโลกซึ่งมีสถานะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายการเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ

ในวันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 33.65 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 33.67 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (31 ม.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 3-7 กุมภาพันธ์ 2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 2,493.4 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 6,231.8 ล้านบาท (แบ่งเป็น ซื้อสุทธิพันธบัตร 6,291.8 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ 60 ล้านบาท)

สัปดาห์ระหว่างวันที่ 10-14 กุมภาพันธ์ 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 33.10-34.00 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถ้อยแถลงของประธานเฟด และสถานการณ์เงินทุนต่างชาติ

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อคาดการณ์ในมุมมองผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมกราคม รวมถึงตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมกราคม ของจีน และข้อมูลจีดีพีไตรมาส 4/2567 ของยูโรโซนและอังกฤษด้วยเช่นกัน