กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจัดประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เพื่อติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) โดยมีผู้บริหาร ปภ. และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมฯ โดยกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจังหวัดบูรณาการทำงานอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เน้นรณรงค์ “หยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อคุณ เพื่อเรา” อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชน พร้อมใช้กลไกการทำงานในทุกระดับเพื่อลดผลกระทบจากปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่มีต่อสุขภาพของประชาชน
นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะผู้อำนวยการกลาง/เลขานุการกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า สถานการณ์ฝุ่นวันนี้เป็นไปตามที่กรมควบคุมมลพิษและกรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์ไว้ โดยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันตก มีค่าฝุ่นเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่กรุงเทพมหานคร สถานการณ์ฝุ่นดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยพบว่าหลายพื้นที่มีค่าฝุ่นลดลง ส่วนภาคใต้มีค่าฝุ่นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน คุณภาพอากาศโดยรวมของภาคใต้อยู่ในระดับดี อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องมีการติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ฝุ่นอย่างใกล้ชิด เนื่องจากวันที่ 7-8 ก.พ. 68 สถานการณ์ฝุ่นมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นจากสภาพอากาศที่ปิด ก่อนจะมีลมจากทางตะวันออกพัดเข้ามาในช่วงวันที่ 9-10 ก.พ. 68 ทำให้ในช่วงสองวันนี้ ค่าฝุ่นจะลดลงและคุณภาพอากาศจะดีขึ้น สำหรับสถานการณ์ในห้วงถัดไป (11-13 ก.พ. 68) ยังต้องติดตามทิศทางลมที่แน่นอนอีกครั้ง เนื่องจากในช่วงนี้ทิศทางลมมีความผันผวนสูง เนื่องจากเข้าสู่ช่วงของการเปลี่ยนแปลงฤดูกาล ในส่วนของจุดความร้อน (Hotspot) ในวันนี้ พบทั้งหมด 623 จุด โดยจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด 5 ลำดับแรกของวันนี้ ได้แก่ จังหวัดตาก กาญจนบุรี เพชรบูรณ์ ลำปาง และลพบุรี
“ในส่วนของจุดความร้อนวันนี้ที่แม้จะพบว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่าเมื่อวาน แต่เมื่อเทียบกันกับช่วงก่อนการรณรงค์ “หยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อคุณ เพื่อเรา” ก็พบว่าจุดความร้อนเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง อาจกล่าวได้ว่าการใช้กลไกท้องถิ่นและท้องที่ในการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ทำงานเชิงรุกเคาะประตูบ้านสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนนั้นได้ผล จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดติดตามการดำเนินการและสั่งการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบที่มีต่อสุขภาพประชาชนอย่างใกล้ชิด เน้นการรณรงค์ “หยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อคุณ เพื่อเรา” โดยใช้กลไกท้องถิ่นท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัคร จิตอาสา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อประชาสัมพันธ์สร้างการตระหนักรู้ให้แก่ประชาชนในการหยุดเผาและหยุดพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นควันอื่น ๆ และขอให้หน่วยงานทุกภาคส่วนดำเนินการตามมาตรการอย่างเข้มข้นแบบนี้ต่อเนื่องต่อไปเพื่อให้สถานการณ์ฝุ่นจะกลับมาอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ประชาชนมีอากาศบริสุทธ์ใช้ หายใจได้อย่างเต็มปอดโดยเร็ว” นายภาสกร อธิบดี ปภ. กล่าว
ด้านนางศุภราพร จักรมานนท์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะประธานการประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ กล่าวว่า จากการรายงานข้อมูลทำให้เห็นว่าช่วงวันที่ 9-10 อากาศจะดีขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี อย่างไรก็ตาม เราได้ตรวจพบจุดความร้อนเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งส่วนใหญ่พบในพื้นที่ป่า ในส่วนของจุดความร้อนในพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ สปก. นั้น มีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการบูรณาการของหน่วยงานในพื้นที่ที่ร่วมมือกันดำเนินการเชิงรุกตามมาตรการและข้อสั่งการของรัฐบาล
ในส่วนของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ดำเนินการตามมาตรการลดฝุ่น 6 ข้อ และข้อสั่งการของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด รวมถึงเตรียมพร้อมสรรพกำลัง เจ้าหน้าที่ และเครื่องจักรกลสาธารณภัย สนับสนุนจังหวัดที่มีสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM 2.5 ในการควบคุมสถานการณ์ แก้ไขปัญหา และบรรเทาผลกระทบที่มีต่อประชาชน ซึ่งปัจจุบันกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ร่วมกับกองทัพบก (ทบ.) ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 ไปประจำการ ณ ฐานปฏิบัติการกองพลทหารราบที่ 7 จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 1 ลำ เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการดับไฟป่าในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะติดตามสถานการณ์และรายงานข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ให้ประชาชนทราบเป็นระยะ ทาง Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และ X @DDPMNews หากประชาชนต้องการแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือ สามารถแจ้งเรื่องได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 หรือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” @1784DDPM ได้ตลอด 24 ชั่วโมง"