xs
xsm
sm
md
lg

กกร.ประเมิน ศก.ไทยปี 68 ขยายตัวจำกัด จากการค้าถูกกีดกันรุนแรง-บาทแข็งต่อเนื่อง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยถึงสงครามการค้าไทยรอบใหม่ ที่เปิดฉากหลัง โดนัลด์ ทรัมป์ รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า ความขัดแย้งทางการค้ากดดันสินค้าจากต่างชาติเข้ามาแย่งตลาด และกระทบต่อภาคการผลิตของไทย สินค้าต่างประเทศที่ล้นตลาดจากปัญหาสงครามการค้าและการแยกขั้ว (De-coupling) ทะลักเข้ามาในประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตและการจ้างงาน จากการศึกษาผลกระทบดังกล่าว ตามข้อเสนอในสมุดปกขาวของ กกร. โดยกระทรวงพาณิชย์พบว่า กลุ่มสินค้าสำคัญที่ได้รับผลกระทบมาก เช่น เหล็ก พลาสติก เครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องนุ่งห่ม แก้วและกระจก เครื่องสำอาง เป็นต้น ดังนั้น สิ่งสำคัญ หากจะลดผลกระทบได้ ต้องมีการวางแผนให้ดี แม้สถานการณ์สงครามการค้าจะส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าไทยในระยะสั้น เพราะจะช่วยให้สามารถไปแข่งขันกับสินค้าที่ผลิตในแคนาดา และเม็กซิโกที่มีราคาสูงขึ้น จากการที่สหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีนำเข้า

ทั้งนี้ ที่ประชุม กกร.ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวจำกัด เนื่องจากการกีดกันทางการค้าที่รุนแรง และทิศทางค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง จะเป็นความท้าทายต่อการส่งออกของไทย ส่วนภาคอุตสาหกรรมบางสาขาเผชิญการแข่งขันจากสินค้าจากต่างประเทศ ขณะที่อุปสงค์ภายในประเทศยังอ่อนแอ ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องวางแนวทาง เพื่อลดผลกระทบ ทั้งในระยะสั้น และระยาว โดยใช้ประโยชน์จากการแยกขั้วของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องวางแผนให้ดี และการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศก็ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่ออุตสาหกรรมไทยเป็นหลัก และเร่งทำข้อตกลงทางการค้าเพิ่มเติมจากเขตการค้าเสรี FTA ไทย-สมาคมการค้าเสรียุโรป (EFTA) เพื่อเสริมความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทย เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน