นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงการคลัง กล่าวถึงนโยบายประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัล ทรัมป์ ที่ประกาศนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน แคนาดา และเม็กซิโก โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ ว่า เรื่องนี้ต้องมีการหารือกันและร่วมกันออกมาตรการ ทั้งด้านการส่งเสริมและด้านการรับมือกับผลกระทบต่างๆ ซึ่งหากรัฐบาลมีการพูดคุยกันอย่างลงตัวแล้ว ก็จะมีการแถลงนโยบายตามลำดับ
แน่นอนว่าปีนี้เป็นปีที่มีความไม่แน่นอน ไม่ได้บอกว่าเป็นความเสี่ยง แต่เป็นความไม่แน่นอน ที่อาจจะเกิดผลกระทบ ในมุมดีก็ได้ถ้าหากไทยสามารถหาโอกาสได้ หรือจะเป็นผลกระทบในมุมไม่ดีก็ได้ถ้าหาก ไทยไม่ตื่นตัวกับเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นในฐานะกระทรวงการคลังก็ต้องทำงานร่วมกับ หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพาณิชย์ รวมไปถึงภาคส่วนต่างๆ ของรัฐบาล เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้น
ส่วนกรณีการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยนั้น รัฐบาลพยายามรักษาเสถียรภาพ และโมเมนตัมทางเศรษฐกิจ ที่ผ่านมาตัวเลขภาพรวมของเศรษฐกิจไทยเราดี และเชื่ิอว่าจะดีต่อเนื่อง เพราะรัฐบาลยังมีกลไกต่างๆ ในการที่จะรักษาโมเมนตัมทางเศรษฐกิจ โดยช่วงที่ผ่านมาแล้วจะเห็นว่ามีการกระจายเม็ดเงินโครงการ 1 หมื่นบาท ให้กับกลุ่มเปราะบางและเม็ดเงินรวมมากกว่า 1.4 แสนล้านบาท ในช่วงปลายปี 2567
และปี 2568 ต่อด้วยโครงการอีซี่ อี-รีซีท 2.0 ที่ลดหย่อนภาษี สำหรับการใช้จ่ายตั้งแต่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา และรัฐบายังมีโครงการ 1 หมื่นบาท สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุที่โอนเงินไปเมื่อวันที่ 27 มกราคม ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ในช่วงโลซีซั่นรัฐบาลจะมีการกระจายเม็ดเงิน 10,000 บาท อีกหนึ่งระลอก ซึ่งทั้งหมดนี้คือการรักษาโมเมนตัมทางเศรษฐกิจของรัฐบาล ทำให้ตัวเลขภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังดี การบริโภคและเสถียรภาพดี
อย่างไรก็ตาม มีภาคส่วนที่ยังต้องดูแลอย่างใกล้ชิด คือเรื่องของภาคการผลิตต่างๆ ซึ่งรัฐบาลต้องเอาจริงเอาจังให้มากกว่านี้ โดยต้องมีการสนับสนุนเพิ่มเติมโดยเฉพาะเรื่องของสินเชื่อซึ่งในส่วนของสถาบันการเงินของรัฐยังอยู่ในภาวะที่ดี ส่วนของธนาคารพาณิชย์นั้นจะต้องมีการขอความร่วมมือเพื่อกระจายสินเชื่อไปสู่พี่น้องประชาชนให้มากยิ่งขึ้น