พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวในการมอบนโยบายตามปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด ว่า กระบวนการค้ายาเสพติดยังมีวงจรลักษณะเดิม คือ ลำเลียงผ่านแนวชายแดนมายังจุดพักยาและมีการลำเลียงผ่านเส้นทางต่างๆ ทั้งเส้นทางหลักและเส้นทางรอง เข้าสู่จังหวัดตอนใน และกระจายผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งตำรวจถือเป็นด่านที่สองต่อจากด่านแรก คือ การสกัดของทหารตามแนวชายแดน โดยจะจัดให้มีการทำฐานข้อมูลปิดล้อมตรวจค้นเฝ้าระวังปราบปรามจะนำข้อมูลมากำหนดเป็นเป้าหมายซึ่งต้องดำเนินการอย่างเข้มข้น แต่ตำรวจคงไม่สามารถดำเนินการได้โดยลำพัง จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทหารและฝ่ายปกครองเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย
สำหรับสถานที่พักยา หากสามารถหลุดมาได้จากชายแดน จะจัดทำฐานข้อมูลสร้างความร่วมมือในการแจ้งเบาะแส จากนั้นจะนำไปสู่การสกัดการเส้นทางลำเลียง โดยกำหนดแผนตั้งด่านเฝ้าระวังบุคคลยานพาหนะ และสร้างความร่วมมือไปยังผู้ให้บริการระบบขนส่ง ประกอบกับการใช้เครื่องมือพิเศษที่ได้เพิ่มเติมจากรัฐบาล เช่น อุปกรณ์ประจำตัว หรือเครื่องมือต่างๆ ไปสู่การพิเคราะห์ติดตามตลอดเส้นทางการลำเลียง จากนั้นจะเพิ่มความเข้มข้นในการสืบสวนปราบปราม ซึ่งตรงนี้ขอเน้นย้ำให้สถานีตำรวจทุกแห่งตามเป้าหมายดำเนินการอย่างเข้มข้น รวมถึงการประสานงานกับเพื่อนบ้านเพื่อนำไปสู่การจับกุมขยายผลดำเนินคดียึดทรัพย์
ทั้งนี้ จากการเริ่มจากปฏิบัติการในครั้งนี้ได้ผู้ต้องหาเพิ่มขึ้นมากกว่า 30,000 รายแล้ว สุดท้ายที่ตำรวจจะดำเนินการตามแผนนี้คือการบำบัดและสร้างชุมชนเข้มแข็งเพื่อให้ปัญหายาเสพติดหมดไปจากสังคมไทยในที่สุด