นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ระบุว่า #กรรมไล่ล่าทักษิณ
ช่วงนี้เรื่องของนายทักษิณ มีหลายเรื่องทั้ง ป.ป.ช. แพทยสภา หรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีประชาชนหลายคน โทรมาถามผม บอกว่างงไปหมดแล้ว
ผมจึงขอสรุปให้ฟัง เอาง่ายๆแบบบ้านๆ เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นจากนายทักษิณ ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ จาก 8 ปีเหลือ 1 ปี แต่เมื่อเข้าเรือนจำ อ้างว่าป่วยวิกฤติ ร.พ.ราชทัณฑ์รักษาไม่ได้ ต้องส่งตัวไปรักษาที่ ร.พ.ตำรวจ ปัญหาคือคนไม่เชื่อว่า "นายทักษิณป่วยวิกฤติ"จริง
แม้แต่กรรมการสิทธินุษยชน ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ ได้รับการร้องเรียนก็ลงมาตรวจสอบ ก็มีบทสรุปว่า ไม่อาจเชื่อได้ว่านายทักษิณป่วยวิกฤติจริง จึงได้ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ดำเนินการตรวจสอบ
การร้องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ นอกจากกรรมการสิทธิมนุษยชนแล้ว ยังมี คปท. กองทัพธรรม ศปปศ. พรรคไทยภักดี และอื่นๆ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการตั้งองค์คณะไต่สวน ล่าสุดพล.ต.อ.เสรี ก็ได้ไปให้ปากคำเพิ่มเติม
ถ้าผลการสอบของ ป.ป.ช.ว่า นายทักษิณไม่ได้ป่วยวิกฤติ เป็นการช่วยเหลือนายทักษิณ ไม่ต้องนอนเรือนจำ แต่ให้ไปนอนสบายไปชั้น14 ผู้เกี่ยวข้องทั้งราชทัณฑ์ และร.พ.ตำรวจ อาจลามไปถึงรัฐมนตรียุติธรรม อย่างน้อยก็ต้องโดนข้อหา ตามมาตรา157 แต่ทุกอย่างป.ป.ช.ถ้าชี้มูล ว่ามีความผิด จะต้องผ่านอัยการ และไปจบที่ศาล
ส่วนที่มีการร้องแพทยสภา เป็นการร้องจริยธรรมแพทย์ ที่ทำการรักษานายทักษิณ ว่าที่นายทักษิณมานอนให้รักษานั้น เป็นการช่วยเหลือหรือไม่ ป่วยวิกฤติจริงหรือไม่ แพทย์ที่ทำการรักษา ออกใบรับรองแพทย์รายงานราชทัณฑ์ช่วงรักษาครบ 30 วัน 60 วัน 120 วัน ตรงไปตรงมาไหม
ถ้าแพทยสภาสอบพบว่า ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ ที่นายทักษิณนอนร.พ.ตำรวจ180วัน ไม่มีอาการวิกฤติ เท่ากับว่าแพทย์ที่เกี่ยวข้อง ทั้งแพทย์ของร.พ.ราชทัณฑ์และร.พ.ตำรวจ รายงานเท็จถือว่าขัดจริยธรรมแพทย์ ก็ถูกลงโทษเฉพาะแพทย์ที่เกี่ยวข้อง
แต่ผลที่แพทยสภาตรวจสอบ จะเป็นประโยชน์ต่อ ป.ป.ช. ที่ ป.ป.ช.จะใช้ประโยชน์ได้ สามารถนำไปดำเนินคดีบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งแพทย์และฝ่ายบริหารของกรมราชทัณฑ์ รวมทั้งร.พ.ตำรวจ อาจถึงรัฐมนตรี ในความผิดตามมาตรา157
ส่วนประเด็นที่มีการร้องมาที่ศาลฎีกาฯ เป็นเรื่องของข้อกฎหมาย การที่ราชทัณฑ์ส่งนายทักษิณมาที่ ร.พ.ตำรวจ เขาอ้างว่าเขามีอำนาจ ตามมาตรา55ของ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์2560 เมื่อรักษาที่ ร.พ.ตำรวจ ยังถือว่านายทักษิณติดคุกด้วย ตามวรรคท้ายมาตรา55นี้เช่นกัน
นายทักษิณจึงได้กลับบ้าน เพราะถือว่าระหว่างรักษาตัวที่ ร.พ.ตำรวจ(ตามอ้างว่าป่วยวิกฤติ) ถือว่าติดคุกแล้ว ด้วยการพักโทษกรณีพิเศษและช่วยเหลือตนเองไม่ได้หรือได้น้อย ด้วยคะแนนช่วยเหลือตนเอง9คะแนน จากเต็ม20คะแนน
มีนักกฎหมายชุดหนึ่งมองว่า ป.วิอาญา พ.ศ.2477 มาตรา246 การที่ราชทัณฑ์อ้างว่า นายทักษิณป่วยวิกฤติ จะเป็นอันตรายต่อชีวิต ตามข้อ(๒)ของมาตรานี้ ราชทัณฑ์ต้องขอนุญาตศาลก่อน ไม่ใช่ทำได้เอง ที่สำคัญในวรรคท้ายของมาตรา246นี้ ยังระบุว่าการไปรักษาตัวแบบนี้ ไม่ถือว่าติดคุก เมื่อรักษาหายแล้ว ต้องกลับไปติดคุก
เบื้องต้นดูเหมือนกฎหมายจะขัดแย้งกัน ฝ่ายราชทัณฑ์ก็อ้างพรบ.ราชทัณฑ์2560 มาตรา55 อีกฝ่ายก็อ้างป.วิอาญา2477 มาตรา246 บังเอิญว่า ใน พรบ.ราชทัณฑ์2560 มาตรา 6 ซึ่งเป็นกฎหมายราชทัณฑ์เอง ยังระบุว่า ฝ่ายราชทัณฑ์จะมีกฎ ระเบียบ ต้องไม่ขัดแย้งกับ ป.วิอาญา เท่ากับว่า ป.วิอาญาใหญ่กว่า กฎหมายราชทัณฑ์
ทีมกฏหมายนี้จึงไปร้องศาลให้ไต่สวน ข้อสังเกตตามนี้ ราชทัณฑ์มีอำนาจก็จริง แต่ต้องไปขออนุญาตจากศาล ไม่ใช่ทำตามใจชอบ และนักโทษต้องกลับมาติดคุก ไม่ว่าจะป่วยวิกฤติหรือไม่ ถ้าป่วยวิกฤติก็ต้องขอศาลและกลับมาติดคุก แต่ถ้าไม่วิกฤติ เรื่องก็จะลามใหญ่ขึ้นอีก จะมีคนอื่นติดคุกตามด้วย
นี่คือการรวบรวมประเด็นต่างๆให้พี่น้องประชาชน เข้าใจแบบง่ายๆ เกี่ยวกับเรื่องนายทักษิณชั้น14 ผลจะออกมาอย่างไร ต้องรอศาลฎีกาฯ รอ ป.ป.ช. รอแพทยสภา ส่วนตัวผมเชื่อว่า"กรรมกำลังไล่ล่า"