นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งที่ 4/ 2568 ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (28 ม.ค.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะมีข้อสั่งการเรื่องการแก้ไขปัญหา ฝุ่น หมอกควัน และ PM 2.5 เพิ่มเติมในแต่ละกระทรวง และจะมีการหารือกับรัฐมนตรีเพื่อรับทราบรายงาน และข้อสรุป รวมทั้งแนวทางปฏิบัติของทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับปัญหาดังกล่าว ในช่วงต้นของการประชุมคณะรัฐมนตรี
จากนั้น ในวันพุธที่ 29 มกราคม เวลา 10.00 น. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายอนุทิน ชาญวีรกูล ผู้บัญชาการกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ บก.ปภ.ช. ได้เชิญคณะกรรมการชุดใหญ่ โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่ปรึกษา เข้าร่วมประชุม เพื่อกำหนดแนวทาง เพิ่มเติมในการดำเนินการเพื่อลดความเสี่ยงจากฝุ่นควันดังกล่าว และรับฟังการเตรียมความพร้อมรับมือในสถานการณ์อื่นๆที่อาจจะเกิดขึ้น รวมทั้งข้อเสนอแนะในการปฏิบัติงานที่ผ่านมา
นายจิรายุ กล่าวว่า ในการประชุมจะเน้นประเมินข้อสั่งการที่ดำเนินการมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน และการกำหนดแนวทาง เพื่อสั่งการและรายงานผลการดำเนินงานในมิติต่าง ๆ โดยเฉพาะสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก จากกรมควบคุมมลพิษ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) กรมอุตุนิยมวิทยา
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังให้ความสำคัญในการบริหารจัดการไฟ ในพื้นที่ป่าของ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมป่าไม้ และส่วนการบริหารจัดการไฟในพื้นที่เพาะปลูกทางการเกษตร ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รวมทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม โดยจะรายงานผลการดำเนินงานและแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป
ส่วนการจัดการฝุ่นละอองในเขตเมือง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะมอบหมายให้กรุงเทพมหานคร กรมการขนส่งทางบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทยรายงานการดำเนินการและผลของการปฏิบัติ รวมไปถึงการยกระดับการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กอีกด้วย
สำหรับในส่วนภูมิภาค คณะกรรมการ ปภ.ช.จะพิจารณาและดำเนินการแก้ปัญหาไฟป่าในจังหวัดที่มีการเผาป่าและหมอกควันสูง อาทิจังหวัดลพบุรี จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดนครราชสีมา และ จังหวัดอื่นๆ ส่วนจังหวัดที่มีผลสำเร็จในการแก้ปัญหา อาทิ จังหวัด เชียงใหม่ ก็จะให้รายงานผลการปฏิบัติ เพื่อเป็นต้นแบบในการแก้ไขต่อไป