นายปรีชากร โมลิกา ประธานภาคีเครือข่ายภาคประชาชนคนนคร เปิดเผยถึงกรณีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เตรียมนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช เพื่อขอรับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก เสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันที่ 28 มกราคมนี้ ภายหลังจากคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกมีมติเห็นชอบร่างเอกสารการนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช เพื่อขอรับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก เมื่อวันทึ่ 15 มกราคม 2568 ว่า การนำวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช ขึ้นทะเบียนมรดกโลก ช่างยากเย็นแสนเข็ญจริงๆ และสูญเสียงบประมาณไปมาก คณะทำงานก็ทำผิดทำถูก ทุกคนล้วนเป็นคนเก่ง แต่ทำผิด จึงทำให้เกิดความล่าช้ามา 10 ปี
ที่ผ่านมา ชาวนครศรีธรรมราชหลายภาคส่วน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จนมาถึงวันนี้ นับเป็นข่าวดีที่มาถึงขั้นตอนที่คณะรัฐมนตรีจะให้ความเห็นชอบร่างเอกสารการนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช ก่อนไปสู่กระบวนการพิจารณาขั้นสุดท้ายที่คณะกรรมการมรดกโลกจะตัดสินชี้ขาด ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นไปในทางบวก
นายปรีชากร กล่าวเพิ่มเติมว่า หากวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก จะเกิดความคุ้มค่าในหลายด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 500-750 ล้านบาท โดยจังหวัด ชุมชนท้องถิ่น ชุมชนรอบแหล่งมรดกโลก ธุรกิจการท่องเที่ยวและบริการ จะได้รับอานิสงส์มากมาย ทั้งในและต่างจังหวัดด้วย