xs
xsm
sm
md
lg

ปภ.ขับเคลื่อนนโยบายปี 68 มุ่งยกระดับมาตรฐานการจัดการสาธารณภัยประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะหน่วยงานกลางของภาครัฐดำเนินการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของประเทศ มีภารกิจสำคัญในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ประชาชน โดยเฉพาะการรับมือกับภัยพิบัติอันเนื่องจากผลกระทบของสภาพภูมิอากาศที่กำลังเปลี่ยนแปลง มีแนวโน้มรุนแรงและเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ส่งผลกระทบต่อด้านชีวิต สังคม และเศรษฐกิจของประเทศ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงได้กำหนดนโยบายเน้นหนัก ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เพื่อเป็นทิศทางในการขับเคลื่อนการดำเนินงานของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอย่างเป็นเอกภาพและสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2565 - 2570 โดยนโยบายเน้นหนักของ ปภ. ประจำปี พ.ศ. 2568 ประกอบไปด้วย

นโยบายแรก คือ การเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการสาธารณภัยให้มีมาตรฐาน โดยส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการสาธารณภัยที่สามารถรับมือกับภัยพิบัติได้ด้วยตนเองในเบื้องต้นก่อนที่หน่วยงานรัฐจะเข้าให้การช่วยเหลือ รวมถึงขับเคลื่อนแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในทุกระดับสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความเข้มแข็งและเสริมภูมิคุ้มกันให้ทุกภาคส่วนมีความพร้อมรับมือจากสาธารณภัย พร้อมกับการผลักดันการใช้กลไกคณะกรรมการระดับชาติและองค์กรปฏิบัติในระดับพื้นที่ขับเคลื่อนงานด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อนำข้อเสนอเชิงวิชาการแปลงสู่นโยบายด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตลอดจนให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษและปฏิบัติงานด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอย่างมืออาชีพครอบคลุมทุกด้านของการจัดการสาธารณภัย รวมทั้งการบริหารจัดการเครื่องจักรกล สาธารณภัยและอากาศยานให้พร้อมปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณภัยได้ 24 ชั่วโมง และยกระดับการฝึกการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้ครอบคลุมในทุกระดับ

นโยบายที่สอง คือ ขับเคลื่อนสู่การเป็นองค์กรดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสาธารณภัย โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการสาธารณภัยและสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของหน่วยงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมกับการพัฒนาระบบเตือนภัยให้เข้าถึงประชาชนและครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงภัยอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งเชื่อมโยงและบูรณาการระบบฐานข้อมูลเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจและสั่งการในการบริหารจัดการสาธารณภัย เพื่อการวางแผนป้องกันและรับมือภัยพิบัติได้ทันท่วงที รวมถึงพัฒนาระบบสารสนเทศการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่สามารถติดตามสถานะการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเป็นระบบและถูกต้อง และพัฒนาแผนที่สำหรับการบริหารจัดการภัยพิบัติ (One Map) เพื่อสับสนุนการอำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณภัย

นโยบายที่สาม คือ การเสริมสร้างความร่วมมือภาคีเครือข่ายในการบริหารจัดการสาธารณภัย โดยประสานองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศสนับสนุนองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการสาธารณภัย รวมถึงสร้างความพร้อมทีมค้นหาและกู้ภัยในเขตเมืองขนาดกลาง (Medium USAR Team) ในการเข้ารับการประเมินตามมาตรฐาน INSARAG เพื่อยกระดับขีดความสามารถการค้นหาและกู้ภัยให้เป็นมาตรฐานสากล อีกทั้งยังมุ่งพัฒนาศักยภาพชุมชนและเมืองให้มีขีดความสามารถในการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัย เพื่อเป็นชุมชนแห่งความปลอดภัยอย่างยั่งยืน รวมทั้งพัฒนาแนวทางให้และรับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศให้มีมาตรฐาน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประเทศสมาชิกอาเซียนเมื่อเกิดภัยพิบัติและสนับสนุนการรับมือภัยพิบัติในระดับภูมิภาค

นโยบายที่สี่ คือ ส่งเสริมการสร้างความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืน ขับเคลื่อนมาตรการ “ดื่มไม่ขับ” อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง โดยส่งเสริมการปลูกจิตสำนึกและสร้างความตระหนักรู้เพื่อควบคุมปัจจัยเสี่ยงที่เป็นต้นเหตุของการเกิดอุบัติเหตุทางถนน พร้อมมุ่งเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนสู่ความปลอดภัยอย่างยั่งยืน สร้าง “วัคซีนจราจร” เพื่อปลูกฝังวัฒนธรรมวินัยจราจรให้เด็กและเยาวชน ควบคู่กับการพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการศึกษาให้มีส่วนร่วมในการจัดการความปลอดภัยในเด็กและเยาวชน

“การขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ภายใต้ 4 นโยบายเน้นหนักที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้กำหนดขึ้นนี้ จะบรรลุผลสำเร็จได้จะต้องมีการประสานการทำงานให้เดินหน้าไปพร้อมกันทุกด้าน ผ่านกลไกการทำงาน ทั้งบุคลากรของ ปภ. เอง และความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่าย รวมไปถึงการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ที่มุ่งสร้างพลังแห่งการจัดการสาธารณภัยไปด้วยกัน เพื่อให้นโยบายเกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล อันจะนำไปสู่การยกระดับการปฏิบัติงานด้านการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติให้มีมาตรฐาน สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศ และบรรลุเป้าหมายในการสร้างประเทศไทยให้มีความมั่นคงอย่างปลอดภัยและยั่งยืนในทุกมิติ” นายภาสกร อธิบดี ปภ. กล่าว